เมตตา คือ ความเป็นมิตร ความหวังดี เป็นโสภณเจตสิก คือ อโทสะ การเจริญ
เมตตานั้นต้องขณะนี้มีความเป็นเพื่อน มีความหวังดีกับผู้อื่นหรือเปล่า เมตตาคือสภาพ
จิตที่เป็นเพื่อน ขณะนั้นเป็นกุศลจิต กายวาจาที่ไหวไปย่อมดีงาม ไม่ใช่ไปท่องแผ่
เมตตา สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ อเวรา โหนตุ.......แผ่จนจบ แต่ขณะนั้นจิตเป็น
กุศลหรือเปล่า จิตยังคงมีความไม่พอใจ ขุ่นเคืองใจต่อผู้อื่น แสดงว่ายังไม่มีเมตตาต่อ
ผู้อื่น เพราะฉะนั้น ในชีวิตประจำวันการเจริญเมตตานั้นต้องเริ่มจากขณะนี้ เจริญคือ
ทำให้เกิดขึ้น อบรมให้มีขึ้น ให้เพิ่มขึ้น มีความเป็นเพื่อนกับทุกๆ คน แม้กับคนที่เรา
ไม่ชอบ พร้อมที่จะให้อภัย จิตขณะนั้นเป็นจิตที่ดีงาม จิตที่ดีงามนั้นจะเกิดขึ้นได้ต้อง
เกิดจากการอบรมให้มีขึ้นด้วยความเข้าใจ คือ ปัญญา ไม่ใช่ด้วยการท่องแผ่เมตตาโดย
ไม่รู้จุดมุ่งหมาย
....ขออนุโมทนาค่ะ..
เมตตาไม่ได้เกิดง่ายดั่งใจคิด
ถ้าไม่เห็นโทษของโทสะ และเห็นคุณของเมตตา
แม้เมตตาใน "ขณะนี้" ก็มีไม่ได้ค่ะ
ขอบคุณพี่เมตตาที่โพสข้อความและคำตักเตือนดีๆ เสมอค่ะ (-_-"
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
"...ในชีวิตประจำวันการเจริญเมตตานั้นต้องเริ่มจากขณะนี้ เจริญ คือ ทำให้เกิดขึ้น อบรมให้มีขึ้น ให้เพิ่มขึ้น มีความเป็นเพื่อนกับทุกๆ คน..."ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตาครับ
เมตตา-เป็นสภาพธรรมที่เดิมคิดว่า-ไม่ยากเลยที่จะเมตตา-แต่เมื่อเหตุเกิดจึงรู้ว่าเมตตาที่สะสมมามากน้อยแค่ไหนและที่ไม่เมตตาเพราะอะไร......เลือกที่จะเมตตาเฉพาะบางคนและรักตนเองจนทำร้ายคนอื่นหรือไม่...ธรรมะที่มีอยู่จริง ณ.ขณะเดียวนี้พิสูจน์ได้จึงเป็นสิ่งที่ควรระลึกและพิจารณายิ่ง ขออนุโมทนาคะ
ผู้ที่มีปกติเจริญเมตตา ทำให้ผิวพรรณผ่องใส หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข เป็นที่รักของ มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย เทวดารักษา ฯลฯ ค่ะ
"..จิตยังคงมีความไม่พอใจ ขุ่นเคืองใจต่อผู้อื่น
แสดงว่ายังไม่มีเมตตาต่อผู้อื่น.."
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะพี่เมตตา
ขออนุโมทนา