การใช้ชีวิตประจำวันให้ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา
โดย วิทูรย์  27 มิ.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 34502

ถ้าจะใช้ชีวิตแบบสบายหมายถึงไม่ทำให้ตัวเองทุกข์ก็จะรู้สึกกลัวควาผิดที่เคยทำในอดีตในหลายๆ เรื่อง

แล้วสิ่งที่ถูกต้องในการใช้ชีวิตเป็นแบบไหนครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 27 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในสมัยพุทธกาล ชีวิตคฤหัสถ์ของแต่ละท่าน หรือ สัตว์โลก แต่ละท่านก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ตามการสะสม จะกล่าวได้ว่า สไตล์การใช้ชีวิตแสดงถึงอนัตตา บังคับไม่ได้ แตกต่างกันตามสภาพธรรมที่แตกต่างกันไป ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ค้าขาย มีภารกิจยุ่งยาก แต่ท่านก็แบ่งเวลาฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และอบรมปัญญาเป็นพระอริยเจ้า เป็นพระโสดาบัน พระเจ้าพิมพิสาร มีกิจการงานมากมาย เร่งรีบ ด้วยเหตุปัจจัยให้เป็นไป เพราะธรรมเป็นอนัตตา แต่ท่านก็ใช้ชีวิตที่เป็นปกติ ด้วยการเจริญอบรมปัญญา ท่านก็เป็นพระโสดาบัน เป็นพระอริยเจ้า คือ บุคคลที่ประเสริฐ เพราะฉะนั้น บุคคลเหล่านั้นที่แตกต่างกันไป แต่ชีวิตที่ประเสริฐ คือ อย่างไร คือ ชีวิตที่อยู่ด้วยปัญญา อันเป็นชีวิตที่ประเสริฐ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่สิ่งที่น่าคิดพิจารณาว่า เป็นชีวิตที่อยู่ด้วยความไม่รู้หรือไม่ และก็ไม่ได้รู้ความจริงของสภาพธรรม ก็ไม่พ้นจากทุกข์ แต่ก็แสวงหาทุกข์โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น การใช้ชีวิต คือ อยู่ด้วยปัญญาย่อมประเสริฐ ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ก็เป็นผู้เข้าใจถูกในความจริงของสภาพธรรม แม้ขั้นการฟัง ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ปัญญาย่อมนำไปในกิจทั้งปวง คือ เข้าใจถูกในชีวิต ที่เกิดขึ้น แต่เข้าใจถูกในขณะนั้นว่ามีแต่ธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ไม่ใช่เรา การเข้าใจเช่นนี้ ย่อมละคลายกิเลส เหตุที่ทำให้ทุกข์ เหตุที่โลภะติดข้องหาวิธีให้มีความสุขด้วย เพราะฉะนั้น ชีวิตที่เหลืออยู่น้อย แสวงหาความสุขกัน ใช่สุขที่แท้จริงหรือไม่ เพราะไม่ได้เห็นกิเลส เหตุแห่งทุกข์ และอยู่ด้วยไม่รู้ ชีวิตที่เหลืออยู่ คือ การทำดีและศึกษาพระธรรม ที่เป็นการใช้ชีวิตที่อยู่ด้วยปัญญา อันเป็นชีวิตที่ประเสริฐอย่างแท้จริง ครับ

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบด้วยพระคาถาว่า

ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันประเสริฐที่สุดของบุรุษในโลกนี้ ธรรมที่บุคคล

ประพฤติดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ สัจจะแลเป็นรส ยังประโยชน์ให้สำเร็จกว่ารสทั้ง

หลาย นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตของบุคคล ผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญาว่า ประเสริฐที่สุด.


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒- น้าที่ 416

ก็ผู้ใดมีปัญญาทราม มีใจตั้งมั่น พึงเป็น อยู่ ๑๐๐ ปี ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้มีปัญญา มี ฌาน ประเสริฐกว่า (ความเป็นอยู่ของผู้นั้น)


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 367

๑๐. สารสูตร

ว่าด้วยสาระ ๔ ประการ

[๑๕๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สาระ ๔ นี้ ฯลฯ คือ สีลสาระ สมาธิสาระ ปัญญาสาระ วิมุตติสาระ นี้แล สาระ ๔ ประการ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 27 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อเห็นประโยชน์ของกุศล คือ ความดี และเห็นโทษของอกุศล ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็จะไม่ทำสิ่งที่ผิด และยิ่งจะเพิ่มพูนคุณความดียิ่งขึ้น ทั้งหมดทั้งปวง เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปทำอะไร แต่ขณะนี้ สำคัญที่สุด ที่จะตั้งต้นใหม่ เริ่มใหม่ ด้วยความเข้าใจพระธรรม จากการได้อาศัยคำจริงแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ที่จะเกื้อกูลให้คุณความดีประการต่างๆ ค่อยๆ เจริญขึ้น ขัดเกลาละคลายสิ่งที่ไม่ดีไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
ปัญญาทำให้ดำเนินชีวิตอย่างมั่นคงในความถูกต้อง
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 30 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ