ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เช้าวันต่อมา พระพุทธองค์เสด็จเข้าไปบิณฑบาตใน กรุงเวสาลี ภายหลังภัต ก่อนออกเดินทางทรงทอดพระเนตรกรุงเวสาลี เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเสด็จไปยังหมู่บ้าน ภัณฑคาม พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ขณะที่ประทับอยู่ในหมู่บ้านภัณฑคาม ทรงตรัสกับพระภิกษุทั้งหลายว่า เพราะไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ๔ ประการ เรา และพวกเธอทั้งหลาย จึงเร่ร่อนเที่ยวไปสิ้นกาลนาน อย่างนี้บัดนี้ เราได้รู้แจ้งถึงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติอันเป็นอริยแล้วตัณหาอันจะนำพาไปสู่ภพสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ มิได้มี"
พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ บ้านภัณฑคาม ตามความพอพระทัยแล้ว ทรงเสด็จต่อไปยัง หัตถีคาม ทรงประทับอยู่ ณ อุทยานนาคภวัน ครั้งนั้น อุคคตคฤหบดี เมาน้ำเมาอยู่ถึง ๗ วัน นักฟ้อนรำห้อมล้อมบำเรออยู่พอได้เห็นพระพุทธองค์ ก็เกิดหิริ โอตตัปปะเป็นกำลังเมื่อเข้าเฝ้าพระศาสดา ความเมาสุราก็เหือดหายไป พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมโปรด ได้บรรลุมรรคผลทั้ง ๓ แล้วเศรษฐีสละเหล่านักฟ้อนรำ เป็นผู้ยินดียิ่งในทาน ถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์เท่านั้น
พระพุทธองค์ ตรัสกับพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายว่า อุคคตคฤหบดี เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๓ ประการ คือ
เมื่อเห็นพระศาสดาแล้ว มีจิตเลื่อมใส เมาสุราอยู่ ก็หายเมาเมื่อเข้านั่งใกล้ ได้ฟังอนุปุพพิกถาแล้ว ได้ดวงตาเห็นธรรม
เมื่อสมาทานศีล แล้วมีจิตแน่วแน่ อนุญาตให้ภรรยาเป็นอิสระ
เมื่อสละโภคทรัพย์ ให้แก่ผู้มีศีลและกัลยาณธรรม
เมื่อเข้าไปหาภิกษุ ก็เข้าไปหาด้วยความเคารพ ฟังธรรมโดยเคารพ เมื่อถวายทานแก่สงฆ์ ก็กระทำโดยความเสมอภาคถ้วนหน้ากัน
ได้ถือว่า ธรรมที่พระศาสดาตรัสนั้น ดีแล้ว จักยึดเป็นสรณะตลอดไป แม้จะทำกาละก่อนพระศาสดา ก็แน่ใจว่าจะไม่กลับมาสู่โลกนี้อีก (เพราะว่าอุคคตคฤหบดี บรรลุเป็นพระอนาคามีบุคคลแล้ว)
พระศาสดาสรรเสริญ อุคคตคฤหบดี ว่าเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งปวง ในการอุปัฏฐากภิกษุสงฆ์
จากนั้น พระพุทธองค์เสด็จผ่าน หมู่บ้านอัมพคาม ชัมพุคาม ตามลำดับจนถึง โภคนคร ประทับอยู่ ณ อานันทเจดีย์ ทรงแสดง มหาปเทส ๔ ความว่าหากภิษุในธรรมวินัยนี้ กล่าวว่า นี้คือธรรม นี้คือวินัยที่ได้รับมาจาก พระโอษฐ์ของพระศาสดาโดยตรงที่ได้รับมาจาก เหล่าสงฆ์ ต่อหน้าพระเถระที่ได้รับฟังมาจาก พระเถระหลายรูป ผู้เป็นพหูสูตที่ได้รับมาจาก พระเถระรูปหนึ่ง ผู้เป็นพหูสูต
พวกเธออย่าเพิ่งเชื่อ หรือ คัดค้าน ขอให้สอบทานในพระสูตร และเทียบเคียงในพระวินัยหากมีข้อความตรงกัน พึงเชื่อได้ว่า นี้เป็นคำสอนของพระศาสดาหากไม่ตรงกัน แสดงว่าสงฆ์นั้นจำมาผิดพวกเธอพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย
จากนั้น พระพุทธองค์เสด็จไปยัง เมืองปาวา ประทับอยู่ ณ อัมพวัน ของนายจุนทะ เมื่อนาย จุนทกัมมารบุตร ทราบข่าวจึงเข้าไปเฝ้า และกราบทูลนิมนต์เสวยภัตตาหาร ในวันรุ่งขึ้นครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ เสด็จไปยังนิเวศน์ของนายจุนทะ นายจุนทะได้นำโภชนาหารที่เตรียมไว้อันมี สูกรมัททวะ รวมอยู่ด้วย พระพุทธองค์ตรัสกับนายจุนทะว่า เธอจงอังคาสเรา ด้วยสูกรมัททวะ ที่เตรียมไว้ และอังคาสภิกษุสงฆ์ ด้วยภัตตาหารอื่น จากนั้น รับสั่งให้นายจุนทะฝังสูกรมัททวะที่เหลือลงในหลุม เพราะทรงทราบว่า เมื่อบริโภคแล้ว ไม่มีผู้ใดในโลกจะพึงให้ย่อยไปด้วยดีได้
หลังจากพระศาสดา เสวยภัตตหารของนายจุนทะกัมมารบุตรแล้วเกิดอาพาธแรงกล้าด้วย โลหิตปักขันธิกาพาธมีเวทนาหนัก ใกล้ปรินิพพาน แต่ทรงมีสติสัมปชัญญะอดกลั้นเวทนาเหล่านั้นไว้ มิได้ทรงหวาดหวั่น แล้วรับสั่งกับพระอานนท์ว่า เราจักไปกุสินารา
ขอนอบน้อมพระสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงสละนิพพานสุข อันมีในที่ใกล้พระหัตถ์
เมื่อครั้งยังเป็นพระสุเมธโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญบารมีอันกระทำได้ยาก ทรงยอมเวียนว่ายในสังสารวัฎฎ์ ตลอดกาลนาน แสนนาน เพียงเพื่อช่วยให้สัตว์ทั้งหลายได้บรรลุธรรมพ้นจากทุกข์
เธอจงอังคาสเรา ด้วยสูกรมัททวะ ที่เตรียมไว้ และอังคาสภิกษุสงฆ์ ด้วยภัตตาหารอื่น
ขอเรียนถามว่า อังคาส มีความหมายว่าอย่างไรค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
อังคาส หมายถึง การจัดถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุ และคอยอำนวยความสะดวกแก่พระภิกษุขณะที่ท่านฉันภัตตาหารด้วย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคุณ orawan.c ค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ