ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๖๗
โดย khampan.a  2 ต.ค. 2559
หัวข้อหมายเลข 28249

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๖๗

~ แต่ละคนก็เป็นแต่ละหนึ่ง เมื่อรู้ว่าพระพุทธศาสนา สมควรที่จะศึกษาให้เข้าใจและช่วยกันรักษาความถูกต้อง เราคงไม่อยู่เฉย ทำตามกำลังเท่าที่จะทำได้

~ ไม่พึ่งความคิดของตัวเอง ไม่พึ่งเหตุการณ์ตามยุคตามสมัย ไม่พึ่งใครที่ไม่เข้าใจธรรม แต่ต้องพึ่งพระธรรมที่ศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบลึกซึ้ง สำคัญที่สุด คือ ความถูกต้อง พระธรรมวินัย และ ปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง

~ การที่เป็นผู้ตรงต่อสภาพธรรมตามความเป็นจริงเท่านั้น ที่จะทำให้รู้ชัดในสภาพธรรมตามความเป็นจริงที่ได้สะสมมา จนถึงกาลที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ แต่ถ้ามีการเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนในข้อปฏิบัติ เพราะไม่ตรงต่อสภาพธรรมที่ท่านได้สะสมมาตามความเป็นจริง ก็ไม่สามารถจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม

~ ชีวิตของพระภิกษุ ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัยเลย เพราะไม่ได้ขัดเกลาอะไรทั้งสิ้น

~ มีกิเลสมาก ทั้งโลภะ ทั้งโทสะ โมหะ ทั้งอิสสา (ความริษยา) ทั้งมัจฉริยะ (ความตระหนี่) อกุศลมากมายเหลือเกิน และเป็นสิ่งซึ่งไม่สามารถที่จะขจัดออกได้โดยอาศัยบุคคลอื่น หรือแม้แต่ความเป็นตัวตน ความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนก็ไม่สามารถที่จะกำจัดหรือขจัดกิเลสเหล่านี้ได้ ต้องด้วยอาศัยปัญญาความเห็นถูกต้องในสภาพธรรมตามความเป็นจริง

~ จุดประสงค์ของพระธรรม ไม่ใช่เพียงฟัง แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือ การขัดเกลากิเลสจนถึงการสามารถที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้ครบ ถ้วนจริงๆ

~ ถ้าท่านผู้ใดยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ ท่านที่เข้าใจถูกต้องแล้ว ก็ไม่ควรจะเกิดความรำคาญใจ ควรจะมีความอดทน เห็นใจ เข้าใจ และช่วยให้บุคคลอื่นได้เข้าใจธรรมที่ถูกต้องยิ่งขึ้น อดทนที่จะได้ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก บ่อยๆ เพื่อที่จะช่วยอุปการะเกื้อกูลให้คนอื่นได้พิจารณาและได้เข้าใจเหตุผลของธรรม

~ ไม่มีใครบังคับให้บวชเลย ผู้บวชเป็นผู้ที่ตรงและรู้ตัวเองว่า มีความสามารถที่จะประพฤติตามพระวินัยได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าประพฤติตามพระวินัย ไม่ได้ ลาสิกขาทันที (สึกทันที) เพราะรู้ตนเองว่า ถ้าเป็นพระภิกษุต่อไป จะไปเปลี่ยนพระวินัยไม่ได้ แต่ต้องทำตามพระวินัยถ้าทำ ตามพระวินัยไม่ได้ ไม่ใช่ไปแก้พระวินัย แต่เมื่อทำตามพระวินัยไม่ได้ ก็เป็นพระภิกษุไม่ได้

~ ลักษณะของอโลภะ (ความไม่ติดข้อง) เป็นสภาพธรรมที่ไม่เห็นแก่ตัว ลองพิจารณาดูว่าทุกคนมีความเห็นแก่ตัว เมื่อมีความรู้สึกว่าเป็นเราหรือว่าเป็นตัวตน ก็ย่อมมีความเห็นแก่ตัวมากกว่าที่จะเห็นแก่บุคคลอื่น เพราะฉะนั้นชีวิตประจำวันจึงมีความรักตัวเอง และทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ด้วยความเห็นแก่ตัวในขณะใด ในขณะนั้นเป็นอกุศลทั้งหมด แต่ว่าขณะใดที่อโลภะเกิด ขณะนั้นละความเห็นแก่ตัวทุกขั้น

~ ความอ่อนน้อม ความประพฤติอ่อนน้อม เป็นธรรมฝ่ายดีที่ควรอบรมเจริญ ไม่จำกัดว่าจะเป็นวัยใด เพศใด เป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสโดยเฉพาะในส่วนที่เป็น มานะ (ความถือตัว) จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้อ่อนน้อม เหมือนอย่างท่านพระสารีบุตรเถระ พระอัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญา เป็นถึงพระอัครสาวก แต่ท่านก็มีความรู้สึกว่าตัวท่านเหมือนโคเขาขาด ไม่มีพิษมีภัยกับใคร เหมือนผ้าเช็ดธุลี ที่สามารถเช็ดได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนเด็กจัณฑาลที่เข้าไปสู่บ้านหรือนิคมต่างๆ ย่อมมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเจียมตัวเป็นอย่างยิ่ง

~ กิเลสประการต่างๆ เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต เมื่อเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ก็เป็นเครื่องตัดหรือทำลายซึ่งกุศลธรรม ไม่สามารถทำให้กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไปในขณะนั้นได้เลย

~ ถึงแม้ว่าจะมีความสุข มีความสะดวกสบายด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหลาย แล้ว จะมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ได้เข้าใจพระธรรม ไม่ได้เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
~ ชีวิตอาจจะอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้ก็ได้ อาจจะสิ้นชีวิตในวันนี้ก็ได้ มีโอกาสที่จะฟังพระธรรม ก็ควรรีบฟัง รีบสะสมปัญญาทันที มีโอกาสที่จะได้สะสมกุศล ก็สะสมทันที เป็นคนดีทันที ทุกที่ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็นการเติมกุศลทุกๆ วัน เพื่อชำระล้างอกุศล เพราะถ้าไม่คอยเติมกุศลแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้อกุศลพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ

~ พระธรรมที่ได้ยินได้ฟังนี้ ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจของผู้ที่ได้รับฟังได้ ซึ่งแต่ละบุคคลก็จะพิสูจน์ได้กับตัวเองว่า เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว อย่างน้อยที่สุด ก็เปลี่ยนจากความไม่รู้อะไรเลย เป็นรู้ขึ้น และถ้าได้ศึกษาพระธรรมต่อไป สะสมความเข้าใจยิ่งขึ้น กุศลประการอื่นก็จะเพิ่มพูนขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน แล้วจะเปรียบเทียบได้จริงๆ ว่า พระธรรมเปลี่ยนจากอกุศลซึ่งเคยมีมาก ให้ลดน้อยลง แล้วก็เพิ่มพูนทางฝ่ายกุศลขึ้น เป็นการถือเอาสิ่งที่ควร แล้วละทิ้งสิ่งที่ไม่ควร ได้

~ อกุศลเป็นสภาพธรรมที่ทำให้ประพฤติในสิ่งที่ไม่สมควรต่างๆ มากมาย ซึ่งผู้ที่มีความประพฤติที่ไม่สมควรต่างๆ นั้น ก็เพราะว่า ไม่ได้คล้อยตามพระพุทธพจน์ ไม่ได้น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม

~ แต่ละชาติที่เกิดมา เมื่อมีโอกาสได้ฟังพระธรรม เห็นค่าของพระธรรม เห็นหนทาง แล้วรู้ว่าไกล เพราะฉะนั้นตลอดชีวิตนั้นก็เพิ่มความดี เพราะเหตุว่าขณะใดก็ตามที่เป็นอกุศล ขณะนั้นไม่ได้เข้าใจธรรมเลยและก็เพิ่มอกุศลอยู่ตลอดเวลา หนทางยิ่งยาวไปอีก ไกลไปอีก

~ ผู้สละเพศคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิต ต้องเป็นบรรพชิตในพระธรรมวินัย เป็นภิกษุในพระธรรมวินัย จะประพฤติผิดจากพระธรรมวินัยไม่ได้ เพราะฉะนั้นคำกล่าวใดๆ ที่ไม่ตรง คัดค้านกับพระธรรมวินัย นั่นเป็นศัตรูต่อพระธรรมวินัย และถ้าประพฤติอย่างนั้นก็เป็นการทำลายพระธรรมวินัยแน่นอน

~ ทางเดียวที่จะเป็นพระภิกษุ (จริงๆ ) ก็คือ เป็นผู้ประพฤติตามพระวินัย ด้วยการเข้าใจพระธรรม

~ เป็นคฤหัสถ์ ขายขนมปัง ไม่มีใครว่า ขายข้าวแกง ไม่มีใครว่า จะส่งเสริมกิจกรรมทางไหน ไม่มีใครว่า แต่เป็นพระภิกษุแล้วจะทำอย่างนั้นไม่ได้

~ ถ้าไม่ศึกษาพระวินัย จะรู้ไหมว่าใครเป็นพระภิกษุ ใครไม่เป็นพระภิกษุ ~ ถ้ามีการกระทำใดๆ ที่ส่งเสริมให้พระภิกษุไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ผู้นั้นไม่ใช่ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา

~ ผู้ที่เป็นพระภิกษุไม่มีเงินและทองอย่างชาวบ้าน

~ คฤหัสถ์และบรรพชิต ต้องอนุเคราะห์แก่กันและกันด้วย ในทางที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย

~ ไม่ชื่อว่านับถือพระพุทธศาสนา ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมวินัย ไม่น้อมประพฤติตามพระธรรมวินัย

~ กุศล แม้เล็กน้อยก็อย่าประมาท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศีล หรือเรื่องอะไรก็ตาม เพราะว่าอกุศลมากมาย พร้อมที่จะเกิดเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น การขัดเกลากิเลสก็ยากขึ้น

~ การได้ (ลาภ) ที่ประเสริฐ คือ มีปัญญาที่เข้าใจความจริง

~ ไม่หวั่นไหวในลาภ ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม เพราะได้ลาภที่ประเสริฐคือปัญญาที่เข้าใจความจริง
~ ปัญญาที่เข้าใจความจริง ชำระจิตให้สะอาดปราศจากอกุศล
~ สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ไม่มีใครบังคับบัญชาให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นได้เลย.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๖๖

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย j.jim  วันที่ 2 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย kukeart  วันที่ 2 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย thilda  วันที่ 2 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย เมตตา  วันที่ 3 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย siraya  วันที่ 3 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย jaturong  วันที่ 3 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย worrasak  วันที่ 3 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย Noparat  วันที่ 3 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 4 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 11    โดย ใหญ่ราชบุรี  วันที่ 4 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 12 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ