ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดตามเหตุปัจจัย ความวิตกกังวลต่างๆ นานา เป็นธรรมะ ประเภทใด อย่างไร เกิดขึ้น เพราะมีเหตุปัจจัยอะไรบ้าง
แต่ละคนมีความต้องการต่างๆ กัน ก่อเป็นปัญหามากน้อยต่างๆ กัน มีความสามารถไม่เท่ากัน ในการแก้ปัญหา ให้สำเร็จเป็นไปได้ดังใจ ที่ไม่ได้ดังใจ ก็เกิดความวิตกกังวล ทุกข์อกทุกข์ใจป่วยไข้ไปอีก
เรียนถามว่า มี ธรรมะ ที่ได้แสดงไว้ เขียนไว้ หรือ บรรยายไว้ แบบสามัญธรรมดาๆ ที่พอจะ ทำให้ เข้าใจ และ ซาบซึ้งใจ จนบรรเทา ความวิตกกังวล ความทุกข์เดือดร้อนใจ ลงได้บ้าง (สำหรับ ผู้ที่ยังไม่"ฟังเข้าใจ"ในธรรม) หรือว่า ไม่มีทางเลย ช่วยอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่ฟังธรรม
ขอบพระคุณที่อนุเคราะห์ให้ความรู้ความเข้าใจค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความวิตกกังวล ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง ซึ่งจิตขณะนั้น มีความรู้สึกไม่สบายใจ ก็คือ โทมนัสเวทนา ซึ่งเป็นเวทนาที่เกิดกับอกุศลจิตเท่านั้น ที่เป็นประเภทโทสะ เพราะฉะนั้น ขณะที่วิตกกังวล จึงเป็นจิตที่เป็นโทสะในขณะนั้น ครับ
การจะคลายความวิตกกังวล ก็ด้วย กุศลจิตเกิดขึ้น และ มีปัญญา เป็นต้น แต่ จะคลาย ด้วยความเข้าใจถูก หรือจะคลายด้วย อกุศลอื่นเกิดแทน เช่น ไปเล่นสนุก ขณะนั้นเป็นโลภะ ไม่ใช่ โทสะ ก็ไม่วิตกกังวลในขณะนั้น เพราะฉะนั้น การเข้าใจถูก หนทางที่จะละกิเลส คือ เข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดแล้วว่า ความวิตกกังวล เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา และ ที่สำคัญที่สุด อาศัยการฟังพระธรรมบ่อยๆ ก็ค่อยๆ คิดถูกได้ทีละน้อย แต่ให้รู้ตามความป็นจริงว่าไม่สามารถที่จะห้ามความวิตกกังวลได้ แม้พระโสดาบัน ยังทุกข์ใจ ร้องไห้ มากกมาย เพราะฉะนั้น ก็อาศัยการฟัง ไปทีละน้อย ธรรมจะทำหน้าที่ค่อยๆ คิดถูก ตามความเป็นจริง ครับ
ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ ดังนี้
อยู่คนเดียวกับความคิด
ท่านอาจารย์สุจินต์...อยู่คนเดียวกับความคิดนึกของตัวเองทั้งวัน ตลอดชีวิต ขณะที่เห็น เห็นคนเดียว หรือว่าคนอื่นมาเห็นด้วย ในขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ แต่ละคน มีคนอื่นมาเห็นด้วยหรือเปล่า ไม่มีเลย เกิดมาก็เห็นคนเดียว ได้ยินคนเดียว คิดคนเดียว อยู่คนเดียว แต่ในความคิดไม่ใช่คนเดียว คิดถึงคนโน้นบ้าง คิดถึงคนนี้บ้าง จนเต็มโลก เดี๋ยวคิดถึงญาติพี่น้อง เดี๋ยวคิดถึงมิตรสหายเพื่อนฝูง คิดทุกวัน หารู้ไม่ว่า แท้ที่จริงแล้วก็เป็นคนเดียวนั่นแหละที่คิดเรื่องต่างๆ ถ้าคิดถึงคนหนึ่ง ก็มีคนเดียว ถ้าคิดถึงอีก ๒ คน ๓ คน ก็มีอีก ๒ คน ๓ คน จนในที่สุดก็เป็นเรื่องเป็นราวทั้งหมด ตามความคิด แต่พอหยุดคิด หายไปไหนแล้วคะ คนในความคิดไม่มีเลย ฉันใด คนในความคิดจะมีก็ต่อเมื่อเกิดคิดขึ้น พระธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงแล้วก็ปรากฏ แต่ยากที่จะรู้ ต้องอาศัยการฟังแล้วฟังอีก ฟังแล้วฟังอีก ทุกท่านที่จะเข้าใจพระธรรม หรือเข้าใจสภาพธรรมะต้องเป็นพหูสูตร ผู้ที่ฟังมาก ฟังครั้งเดียวไม่พอ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้ผู้ฟังได้พิจารณาไตร่ตรอง เป็นความเข้าใจของผู้ฟังเอง ขอเพียงเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการเข้าใจธรรม ซึ่งก็หมายถึงสิ่งที่มีจริงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เป็นธรรม เพราะในการฟังการศึกษาพระธรรม นั้น เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีในขณะนี้จริงๆ ซึ่งตัวสภาพธรรมจริงๆ นั้น มีลักษณะเฉพาะของตนๆ มีจริงในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนเลย และสามารถที่จะเข้าใจตามความเป็นจริงได้ สิ่งสำคัญ คือการฟังพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ นี้แหละคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ไม่ว่าสภาพธรรมใดปรากฏก็สามารถที่จะรู้ตามความเป็นจริงได้ แม้ในขณะที่คิด ก็เป็นธรรม ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาให้คิด หรือไม่ให้คิดได้ ธรรมเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว จากที่เคยมากไปด้วยความคิดที่เป็นไปกับด้วยอกุศล เป็นไปด้วยความไม่สบายใจ ก็จะค่อยๆ คิดถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง ไตร่ตรองพระธรรม แทนการคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่เกื้อกูลต่อการเจริญขึ้นของกุศลธรรมและปัญญาได้เพราะฉะนั้น จึงสำคัญที่การเริ่มฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อความรู้ความเข้าใจค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้กุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน, คิด ก็คิดดี เมื่อคิดดีแล้ว การกระทำทางกาย และทางวาจา ก็ย่อมจะดีด้วยเหมือนกัน ความเข้าใจพระธรรม จึงเกื้อกูลให้กุศลธรรมทั้งหลายเจริญขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง ป้องกันไม่ให้ไปทำอะไรด้วยความเห็นผิดหรือด้วยความไม่รู้ เพราะได้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ปัญหาก็เบาบางลง เพราะปัญหา มาจากอกุศล ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนา ขอบพระคุณทั้งท่านผู้ถามและท่านวิทยากร ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ