ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาธรรม
ที่โรงเรียนส่งกำลังบำรุงทหารบก
ภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก
วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑
~ เราเห็นพระภิกษุทุกวัน แต่รู้หรือไม่ว่า พระภิกษุ คือ ใคร ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ละเอียดที่จะต้องเข้าใจก่อนว่าคือใครหรือว่าคืออะไร ถ้ารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะรู้ได้ว่า ถ้าไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระภิกษุแน่นอน เพราะฉะนั้น พระภิกษุเป็นใคร? ผู้ที่ได้ฟังพระธรรมแล้ว และเข้าใจ เห็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะสละเพศคฤหัสถ์ ซึ่งสละยากมาก ทุกคนคิดดู สละหมดทุกอย่าง สละพ่อแม่พี่น้องทรัพย์สมบัติสิ่งที่เคยรื่นเริงบันเทิงใจทั้งหมด สละอาหารอร่อยทุกสิ่งทุกอย่าง สละมหรสพทั้งหมด เพื่ออุทิศชีวิตโดยขออุปสมบท (ขอบวช) จากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะศึกษาพระธรรมเพื่อขัดเกลากิเลสจนกว่าจะถึงความเป็นพระอรหันต์เช่นพระองค์ เพราะฉะนั้น พระภิกษุ คือ ศากยบุตร เป็นบุตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระบิดาซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด สิ่งใดที่พระองค์ตรัสไว้ ผู้ที่เป็นพระภิกษุต้องประพฤติปฏิบัติตาม
~ พอได้ฟังพระธรรมแล้ว ก็สามารถที่จะเข้าใจถูกขึ้นในสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน มิฉะนั้นแล้วก็จะไม่มีการรู้พระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า ในสังสารวัฏฏ์ที่ยาวนาน ทุกสิ่งถูกปกปิดไว้ไม่เปิดเผยเลย จนกว่าจะมีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น คำของพระองค์ทุกคำ ทำให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงที่ไม่เคยรู้มาก่อน
~ ไม่มีใครบังคับใคร ไม่มีใครชวนใครให้ไปบวชเป็นร้อยเป็นพัน ไม่มีเลย เพราะเหตุว่า ถ้าไม่สามารถที่จะสละอาคารบ้านเรือน ชวนเขาให้ไปสละได้อย่างไร เขาสามารถที่จะอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสในเพศนั้นได้อย่างไรถ้าไม่มีอัธยาศัย (ที่จะสละเพศคฤหัสถ์สู่เพศที่สูงยิ่ง)
~ พระภิกษุในครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอย่างไร เปลี่ยนไม่ได้ ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน จะมีข้ออ้างอย่างนั้นอย่างนี้ที่จะไม่ประพฤติปฏิบัติตามคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้เลย
~ พระภิกษุก็จะต้องเป็นพระภิกษุไม่ว่าในครั้งไหนต้องตามพระธรรมและพระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นพระภิกษุ ก็ต้องรู้ว่าบวชเพื่ออะไร?
~ ยุคนี้สมัยนี้ ถ้าจะถามคนที่บวชว่าทำไมบวช จะมีคำตอบว่าอย่างไร? จะมีคำตอบไหมว่า บวชเพื่อศึกษาธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสและประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย นั่นคือ ภิกษุในธรรมวินัย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้เป็นภิกษุในธรรมวินัยหรือเปล่า มีความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า มีความตั้งใจที่จะเข้าใจธรรมศึกษาความละเอียดลึกซึ้งเพื่อขัดเกลากิเลสเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเองและคนอื่นหรือเปล่า นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าชาวพุทธไม่ได้เข้าใจธรรม ก็จะไม่รู้ว่า พระภิกษุเป็นใคร
~ คฤหัสถ์ในครั้งโน้น เห็นพระภิกษุ กราบไหว้ในการที่ท่านสามารถที่จะสละเพศคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิต จะเหมือนคฤหัสถ์อีกต่อไปไม่ได้เลย สละทรัพย์สมบัติแล้ว จะมีเงินทองได้ไหม?ไม่ได้เลย ถ้ามีเงินทอง ก็คือ เป็นคฤหัสถ์ ไม่ใช่บรรพชิต
~ เพราะไม่รู้จักพระ จึงให้เงินพระ
~ พระภิกษุคือผู้ที่ละอาคารบ้านเรือน สละทรัพย์สมบัติทั้งหมดแล้วอยากได้เงิน เป็นพระภิกษุหรือเปล่า?
~ พระภิกษุทุกรูป ต้องรู้ว่าหลังจากสละอาคารบ้านเรือนแล้ว จะกังวลอะไร เพราะฉะนั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่ตรง มิฉะนั้นก็เป็นผู้ที่ไม่ละอายแล้วก็หลอกลวงด้วยทั้งๆ ที่สละเพศคฤหัสถ์แล้วก็ยังไปทำเหมือนคฤหัสถ์ ก็แสดงว่า เป็นผู้ที่ไม่จริงใจ ยิ่งเป็นภิกษุที่มีเงิน ชาวบ้านก็จน แต่ว่าพระก็รวย แล้วอย่างไร ก็แสดงว่าไม่ใช่พระภิกษุในพระธรรมวินัย ไม่ได้ขัดเกลากิเลสอะไรเลย
~ คฤหัสถ์ที่ไม่เห็นความบริสุทธิ์ของการที่พระภิกษุสละเพศคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิตจึงให้เงินแก่พระภิกษุ เป็นการทำลายภิกษุนั้น เพราะทำให้เขาประพฤติผิดพระวินัย เป็นโทษอย่างมาก ถ้าไม่ปลงอาบัติ (ไม่แก้ไขให้ถูกต้องตามพระวินัย ด้วยความเห็นโทษจริงๆ ) แล้วจากโลกนี้ไป ก็ไปสู่อบายภูมิ
~ ภิกษุเคารพใคร? ถ้าเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เหมือนบิดาที่บุคคลผู้ที่เป็นบุตรต้องเชื่อฟังและผู้ที่เป็นบิดานั้นไม่ใช่ธรรมดา คือ พระปัญญาคุณถึงระดับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะฉะนั้น แต่ละคำของพระองค์ เป็นประโยชน์ ต้องรู้ว่า ตรัสไว้เพื่อประโยชน์ทั้งสิ้น ภิกษุไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง นี่คือภิกษุ เพราะฉะนั้น ตรัสไว้เพราะเห็นโทษจริงๆ ว่าถ้ายังยินดีในเงินและทองอยู่ ก็คือ คฤหัสถ์ ไม่ได้ละกิเลส เพราะยังมีความติดข้องยินดีพอใจเหมือนคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น คฤหัสถ์ที่ให้เงินพระภิกษุก็ทำลายบุคคลนั้น เพราะเหตุว่าทำให้บุคคลนั้นล่วงสิกขาบท (สิ่งที่จะต้องศึกษาและประพฤติตาม) ซึ่งเป็นโทษอย่างยิ่ง
~ ภิกษุ บวชเพื่อศึกษาธรรมและขัดเกลากิเลส มิฉะนั้น ก็เป็นคฤหัสถ์ ดูแลเด็กกำพร้าได้ ดูแลทุกอย่างได้หมด เพราะเหตุว่านั่นเป็นกิจของคฤหัสถ์, ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นพระภิกษุได้ง่ายๆ เพราะต้องรู้จริงๆ ว่า ต้องสะสมมาที่จะสละเพศคฤหัสถ์ ถ้าจะทำกิจเหมือนอย่างคฤหัสถ์ ก็เป็นคฤหัสถ์ เพราะภิกษุไม่ใช่คฤหัสถ์
~ พระภิกษุ มีธุระ ๒ อย่างในชีวิตตั้งแต่เป็นพระภิกษุ คือ ศึกษาธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสด้วยปัญญาระดับที่รู้ความจริง เพราะเหตุว่าคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ สามารถที่จะนำไปสู่การรู้ความจริงอย่างที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
~ เคารพพระภิกษุ เพราะท่านรักษาโรคหรือว่าเพราะท่านศึกษาพระธรรมและขัดเกลากิเลส?
~ เป็นคฤหัสถ์ ไม่บวช ก็ยังเข้าใจธรรมได้ เพราะฉะนั้น การบวชแสดงชัดเจนว่าผู้นั้น สละเพศคฤหัสถ์เพื่ออุทิศชีวิตในการที่จะศึกษาพระธรรมและขัดเกลากิเลส
~ พระธรรมทูต คือ ผู้ที่ทำหน้าที่แทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนนั้นต้องมีความรู้เสมอ ที่จะทำให้คนอื่นพอที่จะได้เข้าใจธรรมถูกต้อง ไม่ผิดพลาด
~ คฤหัสถ์ที่เป็นพุทธบริษัท ก็ควรที่จะศึกษาทั้งพระธรรมและพระวินัย เพื่อที่จะได้ช่วยกันในพุทธบริษัทด้วยกัน ที่จะดำรงพระพุทธศาสนา มิฉะนั้นแล้ว คฤหัสถ์ก็ไม่รู้ว่าพระภิกษุรับเงินรับทองไม่ได้ ก็ให้เงินให้ทองพระภิกษุซึ่งก็เป็นโทษอย่างยิ่ง
~ พระธรรมวินัยสูงยิ่งสำหรับผู้ที่สามารถที่จะประพฤติขัดเกลากิเลส (ในเพศบรรพชิต) ต่างกับเพศคฤหัสถ์ทั้งหมด เพราะฉะนั้น ถ้าไม่สามารถที่จะเป็นอย่างนั้นได้ จะบวชทำไม เพราะว่าเป็นคฤหัสถ์ ก็เข้าใจธรรมได้ ศึกษาธรรมได้
ขอเชิญฟังบางช่วงบางตอนของการสนทนาได้ที่นี่ครับ
รู้หรือไม่ว่าพระภิกษุคือใคร
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ