ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
" เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "
ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี
วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕
~ เป็นประโยชน์ที่สุด ที่จะได้เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ เพราะฉะนั้น บุคคลที่สูงสุด ที่ใช้คำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราไม่รู้จักเลย เผินมาก ได้ยินแต่ชื่อ แล้วกราบไหว้ ถูกต้องไหม? การกราบไหว้บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยความไม่รู้ โดยความไม่เข้าใจในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับ การกราบนมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยรู้จักคุณของพระองค์ซึ่งทำให้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่างกันไหม?
~ การกราบไหว้โดยการไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย กับการรู้ว่ากราบไหว้พระองค์เพราะรู้คุณ ซึ่งจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อการศึกษาให้เข้าใจคำของพระองค์ซึ่งยากที่จะรู้ได้ ไม่ใช่พอพระองค์พูด ใครก็สามารถที่จะรู้ตามได้ทันที
~ เริ่มกราบไหว้บูชารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เมื่อมีการได้ฟังพระคุณของพระองค์ เห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ยากที่จะรู้ได้ง่ายๆ จึงเป็นผู้ที่เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ทุกคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส มาจากการตรัสรู้ ซึ่งได้ทรงบำเพ็ญความดีทุกประการ เพื่อที่จะเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งที่กำลังมี เพราะอกุศลทั้งหลาย ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้
~ ใครก็ตามที่จะพรรณนาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าไม่เข้าใจคำที่พระองค์ตรัส เขาไม่สามารถที่จะรู้ซึ้งถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย
~ เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังคำของพระองค์ ต้องมีความเข้าใจในทุกคำว่าทุกคำนั้นลึกซึ้งอย่างยิ่ง ถ้าไม่ฟัง จะเห็นความลึกซึ้งได้อย่างไร? ถ้าไม่เข้าใจคำที่พระองค์ตรัส ไม่มีทางที่จะรู้จักคุณของพระองค์ได้ เพราะฉะนั้น คนที่คิดว่าเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเริ่มคิดว่าพระองค์ตรัสว่าอะไร?
~ ได้ยินคำว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อริยสัจจธรรม ถ้าไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร ไม่รู้ว่าธรรมที่พระองค์ตรัสเป็นความจริงถึงที่สุด ก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า ที่พระองค์ตรัส เพราะประจักษ์แจ้งความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ถึงที่สุด ที่ใครไม่สามารถที่จะรู้เท่าพระองค์ได้
~ คนที่เข้าใจว่าตัวเองนับถือพระพุทธศาสนา จะต้องรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่พระองค์ได้ประจักษ์แจ้ง มิฉะนั้น จะไม่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะเรียนรู้แต่ละคำที่พระองค์ตรัส ต้องเข้าใจแต่ละคำจริงๆ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เพราะฉะนั้น ตรัสรู้คืออะไร สิ่งที่พระองค์ตรัสรู้คืออะไร ถ้าไม่เข้าใจตั้งแต่ต้นไม่มีทางที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ การตรัสรู้ไม่ใช่ธรรมดา แต่ต้องหมายความว่ารู้ความจริงถึงที่สุดประจักษ์แจ้งความจริงถึงที่สุดของธรรม
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ทุกอย่าง ทุกโลก ทุกแห่ง ตามความเป็นจริงถึงที่สุด ที่ไม่มีใครสามารถที่จะรู้เท่าพระองค์ได้ นี่คือการตรัสรู้ เพราะฉะนั้น ฟังคำของพระองค์ เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่าพระองค์ตรัสรู้สิ่งที่ไม่มีใครรู้เลย และความจริงนั้นเป็นความจริงซึ่งเปลี่ยนไม่ได้เพราะถึงที่สุดของความจริงนั้น
~ ธรรมคือสิ่งที่มีจริงไม่ต้องเรียกภาษาอะไรเลย สิ่งที่มีจริงเปลี่ยนไม่ได้ เพราะมีจริงๆ ตามความเป็นจริง เข้าใจไหม? เพราะฉะนั้น ต้องเริ่มละเอียด ลึกซึ้ง ตั้งแต่ต้น ความเข้าใจถูกเมื่อฟังแล้วไตร่ตรอง เมื่อเข้าใจความจริงเป็นความจริง ใครที่จะพูดอย่างอื่นที่ไม่จริง เขาสามารถที่จะรู้ได้ว่า ไม่ถูก ไม่จริง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม มีคำใหม่ คือ คำว่า ธรรม เพราะฉะนั้น ก็ต้องรู้ว่าธรรมคืออะไรก่อน ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ แต่ไม่ใช่คิดเอง ไม่มีทางจะคิดเองได้ แต่ฟังต่อไปเพื่อให้รู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม ต้องเริ่มรู้และเข้าใจให้ตรง ว่า ธรรมคืออะไร? คำว่า ธรรม หมายความถึง สิ่งที่มีจริงๆ ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดง ไม่มีใครรู้เลย ว่า แล้วสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ คืออะไร เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ หรือเปล่า ถ้าไม่มีจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้อะไร เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ ถูกต้องไหม?
~ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าธรรมคือสิ่งที่มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ก็มีสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่ให้เราตาม แต่ให้เราคิด ว่า แล้วอะไร ขณะนี้ มีจริงๆ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ทุกขณะทุกอย่างไม่เว้นเลย กำลังคิด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของคิดหรือเปล่า? กำลังโกรธ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของโกรธหรือเปล่า? ทุกอย่างที่มีจริงๆ ตามความเป็นจริงทุกวัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุดของทุกอย่างซึ่งไม่มีใครรู้
~ กำลังรับประทานอาหารอร่อยมาก เป็นธรรมหรือเปล่า? กำลังอ่านหนังสือพระไตรปิฎกหรือเขียนอะไรก็ตาม เป็นธรรมหรือเปล่า? กำลังฟังเพลงเพราะๆ เป็นธรรมหรือเปล่า? กำลังหิวอยากรับประทานไก่ เป็นธรรมหรือเปล่า? กำลังเป็นห่วงญาติพี่น้องป่วยไข้ ต้องไปโรงพยาบาล เป็นธรรมหรือเปล่า? นี่คือ ธรรมทั้งหมดที่มีจริง ไม่ว่าโลกนี้ โลกไหน สวรรค์ นรก อะไรก็ตามที่เกิด เป็นสิ่งที่มีจริง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงละเอียดยิ่งตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น นี้คือ การตรัสรู้
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทำให้เห็นเดี๋ยวนี้ เกิดขึ้นเห็นหรือเปล่า? พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เห็น เป็นเห็น เห็นจะเป็นอื่นไม่ได้ เพียงเท่านั้นเข้าใจมั่นคงไหม? นี่คือ ความมั่นคงที่จะรู้ความจริงว่าความจริง เปลี่ยนไม่ได้ ถ้าไม่มีตา ก็ไม่มีเห็น นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่จะรู้ว่าการที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเกิดขึ้นต้องมีปัจจัยที่อาศัยที่ทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ซึ่งใครก็ไม่รู้ นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพราะฉะนั้น เริ่มเข้าใจคำว่าธรรม คือ สิ่งที่มีจริง เกิดขึ้น ไม่มีใครทำให้เกิดขึ้น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เป็นอนัตตา
~ เริ่มรู้จักคำว่าธรรม เริ่มเข้าใจว่า ธรรมที่ปรากฏ มีจริงๆ ต้องเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิด ไม่มี และก็ไม่มีใครไปทำให้เกิดขึ้นด้วย แต่มีเหตุปัจจัย ที่จะทำให้แต่ละธรรมเกิดขึ้นหลากหลายต่างกัน
~ คนที่ไปสำนักปฏิบัติเข้าใจธรรมหรือเปล่า? ไม่เข้าใจ นี่คือ ปัญญาบารมี ไม่เปลี่ยน ความจริงสามารถที่จะรู้ได้ว่าความจริงเปลี่ยนไม่ได้ ความเห็นถูกเป็นความเห็นถูก แล้วไปสำนักปฏิบัติเพราะอะไร? ต้องเป็นผู้ที่ตรง ด้วยเหตุนี้ ปัญญาทำให้เกิดสัจจบารมี ตรงต่อความเป็นจริง ทำให้เกิดวิริยบารมี กว่าจะเข้าใจธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ขั้นฟัง ต้องละเอียดมาก ที่จะเข้าใจถูกต้อง ถ้าผิดนิดเดียวก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่บารมี
~ กำลังฟังธรรม เพื่อที่จะเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นบารมีไหม?
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนได้ เพราะตรัสรู้ จึงมีการศึกษาด้วยความเคารพ ด้วยความเพียร เพราะธรรม ลึกซึ้ง
~ ความเพียรที่จะฟังธรรม ไตร่ตรองธรรมให้เข้าใจจริงๆ เป็นวิริยบารมีหรือเปล่า?
~ ฟังเพื่อเข้าใจถูกต้อง ว่า สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ ยังไม่รู้เลย แล้วฟังทำไม เห็นไหม? ต้องมีเหตุผล ต้องรู้ว่าไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มี เพราะลึกซึ้งยากที่จะรู้ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ต้องเป็นความจริงที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน เพราะฉะนั้น ต้องไม่ลืม ว่า สิ่งที่มีจริง รู้ยาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ จึงสามารถที่จะค่อยๆ ละความไม่ดี ความติดข้อง ความไม่รู้ จนกระทั่งสามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่ปรากฏในขณะนี้ถูกต้องตามความเป็นจริงได้ซึ่งเป็นการตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงทั้งหมดถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง
~ บารมีต้องเป็นความเห็นที่ถูกต้องในสิ่งที่กำลังมี เป็นปัญญาบารมี และรู้ว่าการประจักษ์แจ้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประจักษ์แจ้งและทรงแสดงหนทางตั้งแต่เริ่มฟัง เพื่อให้มีการรู้ความจริงตามที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ทั้งหมด ความดีที่เกิดจากการที่ค่อยๆ ละคลายความไม่รู้และกิเลสทั้งหลายและก็จะทำให้สามารถเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเพิ่มขึ้นได้ นั่นคือ บารมี
~ เมื่อรู้ว่าบารมีคือปัญญา ที่สามารถที่จะรู้ความจริง สามารถที่จะละความไม่รู้และกิเลสทั้งหลายได้ ก็ต้องรู้ตามความเป็นจริงว่า เดี๋ยวนี้มีกิเลสมากแค่ไหนและมีความไม่รู้มากแค่ไหน นี่เป็นสัจจบารมี
~ ปัญญารู้ว่า ความไม่ดีทั้งหมดมาจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้น จะละความไม่ดีทั้งหมดได้ก็ต่อเมื่อมีความเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ
~ ปัญญาบารมีทำให้เห็นประโยชน์ซึ่งยากที่จะรู้ถ้าไม่มีการเข้าใจเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น การเข้าใจเพิ่มขึ้นก็ต้องมีความอดทน มีวิริยะไม่ให้อกุศลเกิดขึ้นมากมายจนกระทั่งไม่สามารถที่จะเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงได้ ค่อยๆ ลดน้อยลงเพราะปัญญาเพิ่มขึ้น เป็นบารมี เพราะฉะนั้น ปัญญาเท่านั้นที่จะเห็นประโยชน์ของบารมีทั้งหมด
~ กำลังโกรธ มีบารมีไหม? (ไม่มีบารมี) เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า กว่าจะสามารถเป็นบารมีที่รู้ความจริงว่าขณะนั้นเป็นโทษ ยากไหม? ถ้าเป็นเราพยายามไม่โกรธ ก็ไม่ใช่บารมี เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งท้อถอย สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นได้ทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงทีละเล็กทีละน้อยในลักษณะที่ไม่ใช่เราแต่เป็นธรรมนั้นๆ เห็นเป็นเห็น ได้ยินเป็นได้ยิน
~ ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก เพียงเข้าใจผิด ก็จะนำทางไปสู่ความที่ผิด แทนที่จะเข้าใจความจริงว่าไม่ใช่เรา ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ก็กลับหาทางที่จะไม่มีกิเลส โดยไม่เข้าใจธรรม ถ้าคิดว่าจะละกิเลสโดยไม่เข้าใจธรรม นั่นไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน
~ เริ่มมีความมั่นคงว่าสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในบรรดาสิ่งที่เกิด คือ ความเห็นถูกซึ่งเป็นปัญญา ปัญญาที่รู้ความจริง ต้องอดทน ที่จะฟังด้วยความเคารพ จึงสามารถที่จะถึงความเข้าใจถูกในสภาพธรรมที่ไม่ใช่เรา เป็นอนัตตาได้
~ ต้องมั่นคงว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกอย่าง ตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติ ทุกโลก นั่นคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และทรงแสดงความจริงให้เข้าใจถูกต้อง ว่าพระองค์ตรัสรู้อะไร? สิ่งที่มีจริง ตั้งแต่เกิดจนตายของทุกคน พระองค์ทรงแสดงความจริงให้รู้ว่า สามารถรู้ตามความเป็นจริงได้ว่าเป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใครทั้งหมด เพียงมีปัจจัยทำให้เกิดเป็นอย่างนั้นแล้วก็ดับไป นี่เป็นคำสอนของพระองค์หรือเปล่า?
~ บารมี ไม่ใช่เป็นคำให้รู้ว่ามีอะไรบ้างที่เป็นบารมี มีความเข้าใจถูกในทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นคือ ปัญญาบารมีที่มั่นคง อธิษฐาน ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น และต้องมีวิริยะ ต้องมีขันติเพื่อที่จะละความไม่รู้ เป็นเนกขัมมะ เพราะฉะนั้น ก็ต้องอาศัยกุศลที่ค่อยๆ ขัดเกลาสิ่งที่ไม่ดีเพราะความไม่รู้ และสิ่งที่ขัดเกลา ก็คือ ปัญญาเท่านั้นที่สามารถจะขัดเกลาได้ เพราะเข้าใจความจริง
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของคุณสุคิน ผู้แปลการสนทนา
จากภาษาไทยเป็นภาษาฮินดี
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบยินดีในกุศลกับคุณสุคินและทุกท่าน
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง และกราบยินดีในความดีทุกท่านค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระศาสดาพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
กราบอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบยินดีในความดีทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ