ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
" ดำรงรักษาคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "
ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี
วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕
~ ต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อเหตุผลของความเป็นจริง บอกว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แต่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง แล้วจะเข้าใจได้ไหม ว่า อะไรเกิดจากปัจจัยอะไร ถ้าไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะรู้จักอะไรสักอย่างหนึ่งไหม?
~ ถ้าไม่เข้าใจความละเอียดของพระปัญญาที่ตรัสรู้ความจริงที่ละเอียดและลึกซึ้งอย่างยิ่ง จะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ได้แต่กล่าวว่า มีพระองค์เป็นที่พึ่ง แต่ว่า พึ่งอย่างไร ถ้าไม่เข้าใจคำของพระองค์? เพราะฉะนั้น ถ้าคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดเพราะเหตุปัจจัย ก็ต้องรู้ว่า แต่ละหนึ่งก่อนที่จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ละหนึ่งนั้นเกิดขึ้นเพราะปัจจัยอะไร เพราะหลากหลาย เป็นแต่ละหนึ่ง จะเกิดเพราะปัจจัยอย่างเดียวกันได้ไหม? นี่เป็นหนทางเดียวที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการเคารพในคำทุกคำที่พระองค์ตรัส ถ้าไม่ฟังเลย ไม่มีโอกาสที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
~ ต้องไม่ลืมว่า ฟังคำของใคร ท่านผู้นั้น เป็นใคร พระธรรมที่พระองค์ได้ทรงแสดง พระธรรมทุกข้อนั้น มาจากการที่ได้ทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุด เพราะฉะนั้น สามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่มีเมื่อฟังคำของพระองค์ เมื่อฟังคำของพระองค์ เริ่มรู้ความจริงว่า อยู่ในโลกของความไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรทั้งหมด หลงว่าได้รู้สิ่งต่างๆ แต่พอมีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังคำของพระองค์ด้วยความเคารพสูงสุด จึงรู้ว่า อยู่ในโลกของความมืด ของความไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีที่กำลังปรากฏ
~ เดี๋ยวนี้กำลังมีสิ่งที่ปรากฏ ใช่ไหม? การฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ แต่ถ้าไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มี อยู่ในความมืดสนิทของความไม่รู้หรือเปล่า? ไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังมี มืดไหม? มืดสนิทไหม? ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช่ไหม? ถ้ารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่าอย่างไร? เคารพในความจริงของสิ่งที่มีที่พระองค์ตรัสรู้ทุกคำหรือยัง? ถ้าไม่ได้ฟัง ไม่รู้จักว่า ใครเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เมื่อฟังโดยไม่เคารพ ฟังเผินๆ ไม่ไตร่ตรอง ยังไม่ชื่อว่า รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยแท้จริง
~ เริ่มเป็นผู้ตรง เดี๋ยวนี้ มีอะไร? ทุกคำถาม เป็นคำถามให้คิด ให้ไตร่ตรองตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้มีอะไร? ไม่ใช่บอกว่าธรรมทุกอย่างเป็นอนัตตา แต่ไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่มีคำถามเลย จะมีอะไรให้คิดไตร่ตรองไหม? ไม่ใช่ฟังแล้ว คิดว่า เข้าใจแล้ว แต่ความเป็นจริง จะรู้ว่า เข้าใจแค่ไหน ต่อเมื่อมีคำถาม ถ้าเพียงตอบว่า สิ่งนี้เกิดเพราะอะไร สิ่งนั้นเกิดขึ้นเพราะปัจจัยอะไร ไม่ทำให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี เหมือนรู้ เหมือนเข้าใจทุกคำที่พูด แต่ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เลย
~ ต้องมีความเข้าใจที่มั่นคงจริงๆ ว่า สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ลึกซึ้ง ซึ่งพระโพธิสัตว์ต้องบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่จึงสามารถที่จะรู้ความจริงและทรงแสดงความจริงทุกคำหลังจากที่ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ตรัสความจริงของสิ่งที่มีจริงทุกคำเพื่อให้มีความเข้าใจถูกในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย เพราะฉะนั้น ต้องเริ่มต้นเป็นคนตรง ไม่ใช่รีบร้อนไปจำคำ ไปเข้าใจเพียงคำ แต่ต้องเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
~ คำอะไรก็ตามที่ไม่ทำให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ มีประโยชน์ไหม? เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เพียงพูดถึงคำที่พระองค์ตรัสแล้ว เช่น ปัจจัยต่างๆ แต่ไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ มีประโยชน์ไหม
~ บารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) เริ่มจากเข้าใจถูกต้อง สิ่งที่มีตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติที่ผ่านมา ไม่เคยรู้ความจริง เพราะเดี๋ยวนี้มีเหมือนกันแต่ไม่รู้อย่างนั้น เพราะฉะนั้น เป็นการสมควรที่จะรู้ แต่จะรู้เองก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น จึงต้องฟังคำของผู้รู้เพื่อเข้าใจถูกต้องตามที่ท่านผู้นั้นได้ประจักษ์แจ้งแล้ว นี่คือ ปัญญาบารมี
~ ถ้าไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะรู้แม้แต่คำว่า บารมีคืออะไรหรือเปล่า? ถ้าไม่เริ่มฟังคำของพระองค์ จะไม่รู้จักพระองค์ จะไม่มีการเบิกบานที่ได้มีโอกาสได้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตามคำที่พระองค์ได้ทรงแสดง
~ การเริ่มต้นฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพทุกคำที่ค่อยๆ เข้าใจความจริง นั่นคือ ความเห็นที่ถูกต้อง เป็นการเริ่มต้นของปัญญาบารมี
~ ความไม่รู้และกิเลสทั้งหมด ไม่ทำให้เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ การไม่เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอกุศล เป็นสิ่งที่เป็นกิเลส ไม่สามารถจะพิจารณาไตร่ตรองจนกระทั่งสามารถรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ จึงต้องอาศัยการฟังโดยละเอียดยิ่งทุกคำ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสให้ละชั่ว ความไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นความชั่ว ซึ่งเป็นสิ่งที่นำความชั่วอื่นๆ มากมายหลายอย่าง เพราะความไม่รู้
~ ถ้าทำชั่วอยู่เรื่อยๆ โดยไม่เห็นโทษของความชั่ว ไม่ละความชั่ว ไม่มีทางที่จะเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ความเข้าใจความจริงค่อยๆ นำไปสู่ความเห็นโทษของความไม่ดีและมีความเพียรที่จะละความไม่ดี โดยการฟังพระธรรมจนเข้าใจขึ้น
~ เพียงได้ยินคำว่า บารมี เข้าใจว่าบารมีหมายความว่าอะไร ไม่พอ ต้องมีความเข้าใจขึ้นในความจริงทุกอย่าง นั่นต้องอาศัยความเพียร ซึ่งนำไปสู่การเข้าใจความจริง จึงเป็นวิริยบารมี
~ เมื่อมีความไม่เข้าใจความจริงของธรรม ก็ทำสิ่งที่ไม่ดีมากมายในสังสารวัฏฏ์แม้ในชาตินี้
~ เมื่อรู้ว่า การจะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีขณะนี้ยากและลึกซึ้งมาก แต่ความรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระมหากรุณาของพระองค์ ที่ทำให้เริ่มมีความเห็นถูก ทำให้มีความอดทน ต่อการที่จะเป็นกุศล แม้ว่ายังมีอกุศลอยู่ แต่ความเข้าใจถูก ก็เห็นโทษของอกุศล และเริ่มเป็นกุศลทีละเล็กทีละน้อยเพิ่มขึ้น
~ ถ้าไม่มีความอดทนที่จะทำกุศลเพิ่มขึ้น ยังคงมีอกุศลมากมาย สามารถที่จะรู้ความจริงได้ไหม? เพราะฉะนั้น เริ่มต้นของบารมี คือ รู้ความจริงเป็นสิ่งที่รู้ยากและถ้ายังคงมีความชั่วและความไม่ดีต่างๆ ก็รู้ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความมั่นคง ว่า บารมีเพื่อที่จะรู้ความจริง ซึ่งถ้ายังเป็นอกุศล รู้ไม่ได้ จึงได้เริ่มเจริญกุศลตามกำลังของปัญญา เริ่มเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือยัง?
~ เริ่มมีความเข้าใจมั่นคง ทุกอย่างเกิดไม่ได้ มีไม่ได้ ถ้าไม่มีปัจจัย ความจริงทั้งหมดมีปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้นมีสภาพอย่างนั้นๆ เท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น
~ มีความเข้าใจจริงๆ เริ่มแล้ว ก็หมายความว่า เริ่มมีความเข้าใจธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรม เพราะฉะนั้น ต้องมีความเข้าใจทุกคำ เพื่อที่จะมีความเข้าใจคำต่อๆ ไปที่พระองค์ตรัสใน ๔๕ พรรษา เพราะฉะนั้น เริ่มเข้าใจ ไม่มีเรา เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรม พระองค์ตรัสว่า ธรรมคือสิ่งที่มีจริงทั้งปวง สัพเพ ธัมมา อนัตตา เริ่มค่อยๆ เข้าใจคำที่พระองค์ตรัส เมื่อพระองค์ตรัสอย่างไร เปลี่ยนไม่ได้ แต่ต้องไม่ลืมคำแรก “ธรรม” สิ่งที่มีจริง มีลักษณะสภาพความเป็นจริง ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เป็นอื่นไม่ได้ นอกจากไม่ใช่สิ่งใดเลยทั้งสิ้น อัตตา คือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง
~ มีความเข้าใจถูกต้องว่า สิ่งที่มีจริง ธรรม แต่ละหนึ่งเปลี่ยนไม่ได้ เป็นอย่างนั้นเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราถือว่า เที่ยง ยั่งยืน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะแต่ละหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น เห็น ไม่ใช่อย่างอื่น ไม่ใช่คิด ไม่ใช่จำ
~ ต้องไม่ลืม ว่า ต้องรู้จักธรรมก่อน แล้วก็จะรู้จักธรรมละเอียดขึ้นโดยความเป็นปัจจัยจึงจะค่อยๆ คลายการยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้
~ การศึกษาธรรม ลึกซึ้งไหม เพราะมีสิ่งที่มีจริงๆ ถ้าไม่ฟังก็ไม่รู้ว่า เป็นอะไร แต่แม้ฟังแล้วยังไม่ประจักษ์ความจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประจักษ์ ทุกคำที่พระองค์ตรัสลึกซึ้งเพราะกล่าวถึงความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ จนสามารถรู้แจ้งความจริงตามที่พระองค์ได้ทรงแสดงให้เข้าใจถูกต้อง
~ ต้องไม่ลืมว่า พระพุทธศาสนา คำสอนของผู้ที่รู้ความจริงให้มีความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง จะรีบร้อนไปศึกษาคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้มากมาย โดยไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ มีประโยชน์ไหม?
~ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสไว้นานแสนนาน ยังมีผู้ที่ได้รับประโยชน์ ยังมีผู้ที่เข้าใจความจริง ไม่เปลี่ยนคำของพระองค์และไม่คิดเอง นี่เป็นประโยชน์สูงสุดที่จะได้มีคำของพระองค์อีกครั้งหนึ่งซึ่งลึกซึ้งอย่างยิ่งที่จะมีคนได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถึงเวลาที่จะรู้คุณและไม่ลืมพระคุณยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง ตรงตามที่พระองค์ทรงแสดงความลึกซึ้งซึ่งกว่าพระองค์จะได้ประจักษ์แจ้งความลึกซึ้ง ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ แล้วเรากำลังบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะเข้าใจคำของพระองค์ เพื่อที่จะดำรงคำสอนของพระองค์ให้มีผู้ที่ได้เข้าใจสืบต่อไป ใช่ไหม?
~ ต้องไม่ลืมว่า การจะดำรงพระธรรมคำสอน คือ ด้วยความเข้าใจถูกต้องในแต่ละคำ ไม่ประมาทเลย เมื่อเข้าใจแล้วก็สามารถที่จะกล่าวถึงแต่ละคำตรงตามความเป็นจริง
~ จะรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและตอบแทนคุณของพระองค์ที่ทำให้สามารถเข้าใจถูกได้ ก็โดยการกล่าวคำของพระองค์ที่ตรงตามความเป็นจริงให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย
~ ทุกคนที่เกิดมาแล้ว ก็จากโลกนี้ไป ถ้าไม่ให้คนอื่นได้ดำรงรักษาคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็อันตรธาน (สูญสิ้น) เพราะฉะนั้น คนที่เข้าใจความจริงจากที่พระองค์ได้ทรงแสดง จะรู้คุณของพระองค์ ก็จะให้คนอื่นได้ฟังได้เข้าใจถูกต้อง เพื่อที่จะดำรงคำของพระองค์ต่อๆ ไป แต่ถ้าไม่รู้ความลึกซึ้งของธรรม ไม่ศึกษาโดยเคารพ เข้าใจผิดคลาดเคลื่อน เป็นการทำลายคำสอนของพระองค์
~ ต้องไม่ลืมว่า ศึกษาเพื่อเข้าใจคำของพระองค์ถูกต้อง ไม่เข้าใจผิดซึ่งเป็นการทำลายคำสอนของพระองค์ทั้งหมด
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของคุณสุคิน ผู้แปลการสนทนา
จากภาษาไทยเป็นภาษาฮินดี
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาครับ
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านค่ะ
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบยินดีในกุศลของคุณสุคินและทุกๆ ท่าน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง กราบขอบพระคุณผู้แปล ผู้ร่วมสนทนา และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกๆ ท่าน กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและยินดีในความดีของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
กราบเท้าอนุโมทนาท่านอาจารย์ และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาในจิตที่มีความหวังดีมีความปรารถนาดีของทุกท่านที่ช่วยกันรักษาและสืบต่อพระธรรมคำสอนให้ดำรงค์อยู่เพื่อผู้อื่นได้ศึกษาด้วย กราบขอบพระคุณค่ะ ชีวิตที่เหลือเพื่อได้ทำความดีและศึกษาพระธรรมคำสอน ตามเหตุปัจจัยที่ได้สะสมมาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ