ผมทราบว่าหากเราทำบาปก็ไม่สามารถที่จะล้างบาปได้ต้องได้รับโทษแห่งบาปนั้น
๑. หากเราเคยหยิบเงินสมัยเด็กๆ โดยหยิบเงินโดยไม่ตั้งใจเช่นหยิบไป ๒๐ บาทเพื่อเอาไปซื้อของเล่น เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ธรรมะ ในอดีตเกิดบาปขึ้นคือการขโมยเงินแม่ แต่ตอนนี้เรารู้แล้ว เราสามารถนำเงินไปคืน ๒๐ บาท หรือมากกว่าเช่น ๒,๐๐๐บาท เพื่อใช้คืนแก่แม่เรา บาปนั้นๆ จะหมดหรือไม่? ครับ หากไม่หมดต้องไปได้รับโทษในอนาคต ผมว่าก็เป็นการไม่ยุติธรรมนะครับ ทำไมกฏของธรรมชาติช่างโหดร้าย เพราะเราหากยัง ไม่เคยอ่านพระไตรปิฏกก็ไม่รู้สภาพธรรม ที่แท้จริงบาปที่เกิดขึ้นเกิดจากความไม่ตั้งใจ เพียงเพราะกิเลสที่เกิดขึ้น
๒. แล้วมีทางไหนที่จะลดกรรมที่เคยกระทำครับหรือให้หมดไป (รู้แต่ว่าทำดีกับท่านให้มากที่สุดที่จะมากได้ และเลี้ยงดูท่านให้ได้รับความสุขกายสุขใจให้มากที่สุด) ขอบคุณทุกท่านที่ให้ธรรมทาน
ขออนุโมทนาบุญครับ
๑. ควรทราบว่า การคืนเงินใช้ในกรณีขอยืม ส่วนการลักขโมย สำเร็จเป็นอกุศลกรรมไปแล้ว เมื่อมีกรรม คือการกระทำ ย่อมมีผลคือ วิบากเกิดขึ้น กรรมยุติธรรมที่สุด และควรเห็นโทษของวัฏฏะ การเวียนว่ายตายเกิด เพราะความไม่รู้จึงกระทำกรรม ที่ไม่สมควร
๒. อกุศลกรรมผ่านไปแล้ว ไม่ควรทำอีก ควรกระทำกุศลกรรม ควรสะสมกุศลกรรมสิ่งใดที่เป็นความดีทุกประการควรกระทำ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
๑. บาปทำไปแล้วเป็นอันทำไปแล้วในขณะนั้น ขณะที่เห็นโทษเป็นกรรมใหม่ (จิตคนละดวงกับเมื่อตอนหยิบเงินเมื่อตอนเด็ก) ไม่ลบล้างกัน แต่กรรมจะไม่ให้ผลอีกเพราะไม่มีการเกิด คือ ปรินิพพานของพระอรหันต์ เมื่อทำเหตุก็ต้องได้รับผลเมื่อเหตุปัจจัยพร้อมยุติธรรมเพราะสร้างเหตุไว้ เมื่อมีกิเลส เช่น อวิชชา ก็ยังต้องทำกุศลและอกุศล เมื่อทำเหตุก็ต้องได้รับผลเมื่อเหตุปัจจัยพร้อม เราอาจคิดว่าไม่ตั้งใจที่ทำบาป แต่ความตั้งใจเกิดขึ้นแล้วเพราะมีกิเลสเป็นปัจจัยให้ทำบาป ไม่ว่าจะบาปมากหรือน้อยก็ตาม นี่คือ เหตุผลที่จะต้องศึกษาพระธรรม เพื่อเข้าใจความจริงและอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลส
๒. ถ้ามีเหตุก็ยังจะต้องได้รับผลของกรรม ตราบใดที่ยังต้องเกิด จนกว่าจะไม่เกิดนั่นแหละ ไม่ต้องได้รับผลของกรรม
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ