ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การที่จะเกิดกุศลและมีปัญญาเกิดด้วยนั้น ไม่ใช่ด้วยความต้องการหรืออยากแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องมีเหตุจึงจะเกิดขึ้น ปัญญาก็เช่นกัน จะเกิดขึ้นก็ต้องมีเหตุ ปัญญาเท่านั้นจะทำหน้าที่ดับกิเลส ผู้ที่ศึกษาธรรมก็อยากดับกิเลส แต่ก็ต้องมีปัญญาและเหตุให้เกิดกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาคืออะไร? ใน อัฏฐสาลินี อรรถกถา ธรรมสังคณี ได้แสดงไว้ดังนี้ เหตุให้เกิดกุศลที่มีปัญญานั้น มีดังนี้ โดยกรรม โดยความเกิดขึ้น โดยความแก่รอบแห่งอินทรีย์ ความเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส
โดยกรรม
โดยกรรม หมายถึง กุศลกรรมที่ทำแล้วปราถนาน้อมไปให้มีปัญญา ตามปกติที่ทำกุศล บางครั้งก็ทำโดยไม่คิดอะไร บางครั้งทำไปเพื่อหวังได้เกิดในภพ ภูมิที่ดี หรือบางครั้งทำไปเพื่อจะได้สิ่งตอบแทนมา เช่น ลาภ สักการะ เป็นต้น แต่กุศลใดที่ทำแล้ว น้อมบุญที่ทำไปนั้นเพื่อให้เข้าใจธรรม หรือเพื่อให้มีปัญญาโดยจุดประสงค์เพื่อดับกิเลส กุศลที่ประกอบด้วยปัญญาย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยการกระทำที่กล่าวมา คือ ทำกุศลแล้วน้อมกุศลไปเพื่อมีปัญญา
โดยความเกิดขึ้น กุศลที่ประกอบด้วยปัญญา เมื่อเกิด ก็เพราะกุศลนั้นเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิด จะทำให้กุศลที่ประกอบด้วยปัญญาเกิดขึ้นไม่ได้ครับดังเช่น บุคคลที่เคยอบรมปัญญามา เมื่อตายไปก็ไปเกิดเป็นเทวดา แต่ภพภูมินั้น เป็นไปด้วยความเพลิดเพลินแต่เพราะเคยอบรมปัญญามาในอดีต สิ่งเหล่านั้นไม่สูญหาย เทวดาเหล่านั้นย่อมระลึกเองได้บ้าง กุศลที่ประกอบด้วยปัญญาจึงเกิดขึ้น เพราะความเกิดขึ้นของกุศลนั้นเอง
โดยความแก่รอบแห่งอินทรีย์
กุศลที่ประกอบด้วยปัญญาคือ ปัญญาจะเกิดขึ้นได้นั้น ก็ต้องอาศัยกาลเวลาที่เหมาะสม เหมือนการปลูกต้นไม้ ผลที่จะออกก็ต้องอาศัยกาลเวลา ไม่ใช่แค่วัน สองวัน ปัญญาที่จะเกิดก็เช่นกัน เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม อบรมมาจนถึงเวลา (อินทรีย์แก่กล้า) ปัญญาก็จะเกิดขึ้นครับ ปัญญามีหลายระดับ ตัวอย่าง เช่นปัญญาขั้น สติปัฏฐาน ก็ต้องอาศัยความแก่รอบของอินทรีย์คือ ฟังจนเข้าใจจนเหตุปัจจัยพร้อม สติก็เกิดระลึกสภาพธัมมะ ดังนั้น การอบรมปัญญาหรือปัญญาจะเกิดขึ้น ต้องมีเวลา และอดทนที่จะฟังต่อไป ขณะใดที่เดือดร้อน ว่าปัญญาไม่เกิด สติไม่เกิด เพราะเราไม่เข้าใจเหตุของปัญญาว่าจะต้องมีความแก่รอบของอินทรีย์ คือ กาลเวลาและเหตุปัจจัยพร้อมที่ได้สะสมมา เป็นระยะเวลายาวนานครับ
โดยความเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส
ทุกคนก็อยากจะมีปัญญา แต่ ปัญญาจะเกิดขึ้น ก็ต้องมีเหตุ คือ ความเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส ตรงนี้สำคัญมาก ห่างไกลจากกิเลส เป็นอย่างไร คือ ถ้าเต็มไปด้วยอกุศลมากๆ ไม่มีเมตตา โกรธ โลภ เป็นต้น ก็เป็นผู้ที่ไม่ห่างไกลจากกิเลส แต่ผู้ที่ห่างไกลจากกิเลสนั้น คือ กุศลจิตเกิดบ่อยขึ้น (ขณะที่กุศลเกิดอกุศลไม่เกิด) เพราะอาศัยการฟังพระธรรม และรู้ประโยชน์ของการเจริญกุศลทุกประการ เพราะขณะที่ไม่เป็นกุศล ขณะนั้นเป็นอกุศลและถ้าอกุศลมีกำลังมาก ปัญญาขั้นสติปัฏฐานที่ฟังมาน้อยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อ ยังไม่เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลส ดังมีคำกล่าวว่า ไม่ควรเป็นผู้ประมาทแม้กุศลเพียงเล็กน้อยดังนั้น ปัญญาจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส โดยการฟังพระธรรมโดยเฉพาะ เรื่อง บารมี ๑๐ ซึ่งเป็นกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่นทาน ศีล เมตตา ขันติ เป็นต้น เมื่อเข้าใจเหตุของปัญญาแล้ว ก็จะไม่ประมาทในการเจริญกุศล เป็นผู้ที่มีเมตตามากขึ้น อดทนมากขึ้นพร้อมๆ กับการฟังเรื่องการเจริญสติปัฏฐาน นี้เป็นเหตุปัจจัย ที่จะทำให้ปัญญาเกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญญาขั้น สติปัฏฐานครับ
ขอให้สหายธรรมทุกท่าน ไม่ประะมาทในกุศลทุกประการ อบรมบารมีในชีวิตประจำวัน มีเมตตากัน อดทนมากขึ้น และฟังเรื่อง สติปัฏฐาน เพราะไม่เช่นนั้น ก็ไม่มีทางถึงฝั่งคือ นิพพานได้เลยครับ เพราะเหตุไม่สมควรแก่ผล ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เชิญคลิกอ่านได้ที่นี่ ... ความเกิดขึ้นของกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา [ธรรมสังคณี]
ความต้องการคือโลภะเป็นเครื่องกั้นปัญญา การศึกษาธรรมะเพื่อละความไม่รู้ ยิ่งรู้ก็ยิ่งละ และที่สำคัญถ้าหวังอย่างเดียวที่จะเจริญสติปัฏฐานโดยไม่เจริญกุศลอื่นๆ สติปัฏฐานก็ไม่มีทางที่จะเกิดค่ะ
กุศล ก็เป็นเหตุให้เกิดอกุศลได้ แม้แต่ปัญญา โลภะก็ยังทำให้บุคคลต้องการที่จะมีปัญญา หรือสำคัญตนเอง ว่าสามารถใช้ปัญญาได้ การศึกษาธรรมะอย่างเดียวแต่ไม่น้อมใจ พิจารณาให้แยบคายถึงความเป็นเหตุปัจจัยของสภาพธรรมต่างๆ ว่าไม่มีตัวตน สัตว์ บุคคล ก็อาจจะเป็นเหตุให้กระทำการบางอย่างที่เข้าใจว่าเป็น กุศล แต่แท้จริงกลับเป็นการพอกพูนของอกุศล รวมถึงการเจริญสติปัฏฐานก็อาจจะผิดได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้การหยั่งรากของอวิชชาลึกลงๆ ไปอีก ต้องระวังอย่างมากครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ