๔. นันทาเปตวัตถุ ว่าด้วยผู้ดุร้ายตายเป็นนางเปรต
โดย บ้านธัมมะ  17 พ.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 40359

[เล่มที่ 49] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 184

อุพพรีวรรคที่ ๒

๔. นันทาเปติวัตถุ

ว่าด้วยผู้ดุร้ายตายเป็นนางเปรต


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 49]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 184

๔. นันทาเปติวัตถุ

ว่าด้วยผู้ดุร้ายตายเป็นนางเปรต

นันทิเสนอุบาสกถามว่า

[๑๐๑] ท่านมีผิวพรรณดำ มีรูปร่างน่าเกลียด ตัวขรุขระดูน่ากลัว มีตาเหลือง เขี้ยวงอกออกเหมือนหมู เราไม่เข้าใจว่าท่านเป็นมนุษย์.

นางเปรตตอบว่า

ข้าแต่ท่านนันทิเสน เมื่อก่อนฉันชื่อ นันทา เป็นภรรยาของท่าน ได้ทำกรรมอันลามกไว้จึงจากโลกนี้ไปสู่เปตโลก.

นันทิเสนถามว่า

ท่านทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจ เพราะวิบากแห่งกรรมอะไรท่านจึงจากโลกนี้ไปสู่เปตโลก.

นางเปรตนั้นตอบว่า

เมื่อก่อนฉันเป็นหญิงดุร้าย หยาบคาย ไม่เคารพท่าน พูดคำชั่วหยาบกะท่าน จึงจากโลกนี้ไปสู่เปตโลก.


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 185

นันทิเสนถามว่า

เอาละ เราจะให้ผ้านุ่งแก่ท่าน ขอท่านจงนุ่งผ้านี้แล้วจงมา เราจักนำท่านไปเรือน ท่านไปเรือนแล้วจักได้ผ้า ข้าวและน้ำ ทั้งจักได้ชมบุตรและลูกสะใภ้ของท่าน.

นางเปรตนั้นตอบว่า

ผ้านั้นถึงท่านจะให้ที่มือของฉันด้วยมือของท่าน ก็ย่อมไม่สำเร็จประโยชน์แก่ฉัน ขอท่านจงเลี้ยงดูภิกษุทั้งหลายผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ปราศจากราคะ เป็นพหูสูต ให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำ แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ฉัน เมื่อท่านทำอย่างนั้น ฉันจักมีความสุข สำเร็จความปรารถนาทั้งปวง. เมื่อนันทิเสนอุบาสกรับคำแล้ว ได้ให้ทานเป็นอันมาก คือ ข้าว น้ำ ของเคี้ยว ผ้า เสนาสนะ ร่ม ของหอม ดอกไม้ และรองเท้าต่างๆ และเลี้ยงดูภิกษุทั้งหลายผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ปราศจากราคะ เป็นพหูสูตให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำ แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้นางนันทา ข้าว น้ำ และ เครื่องนุ่งห่มอันเป็นวิบากย่อมบังเกิดในทันตานั้นนั่นเอง นี้เป็นผลแห่งทักษิณา ในขณะนั้นนั่นเอง นางเปรตนั้นมีร่างกายบริสุทธิ์สะอาด นุ่งห่ม


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 186

ผ้าอันดีมีค่ายิ่งกว่าผ้าแคว้นกาสี ประดับด้วยวัตถาภรณ์อันวิจิตร เข้าไปหาสามี.

นันทิเสนอุบาสกจึงถามว่า

ดูก่อนนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนักส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่ ดุจดาวประกายพรึก ท่านมีวรรณะงามเช่นนี้ อิฐผลย่อมสำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้ และโภคะทุกสิ่งทุกอย่างอันเป็นที่พอใจ ย่อมเกิดแก่ท่านเพราะกรรมอะไร ดูก่อนนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ฉันขอถามท่าน เมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไร อนึ่ง ท่านมีอานุภาพรุ่งเรืองและมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะกรรมอะไร.

นางนันทาเทพธิดาตบว่า

ข้าแต่ท่านนันทิเสน เมื่อก่อนฉันชื่อ นันทา เป็นภรรยาของท่าน ได้ทำกรรมชั่วช้า จึงจากมนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก ฉันอนุโมทนาทานที่ท่านให้แล้ว จึงไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ดูก่อนคฤหบดี ขอท่านพร้อมด้วยญาติทั้งปวงจงมีอายุยืนนานเถิด ดูก่อนคฤหบดี ท่านประพฤติธรรมและให้ทานในโลกนี้แล้ว จะเข้าถึงถิ่นฐานอันไม่ เศร้าโศก ปราศจากธุลี ปลอดภัย อันเป็นที่อยู่ของ


ความคิดเห็น 4    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 187

ท้าวสวัตตี ท่านกำจัดมลทิน คือความตระหนี่พร้อมด้วยรากแล้ว อันใครๆ ไม่ติเตียนได้ จักเข้าถึงโลกสวรรค์.

จบ นันทาเปติวัตถุที่ ๔

อรรถกถานันทาเปติวัตถุที่ ๔

เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรง ปรารภนางเปรตชื่อว่า นันทา จึงตรัสคาถานี้ มีคำเริ่มต้นว่า กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสิ ดังนี้.

ได้ยินว่า ในหมู่บ้านตำบลหนึ่ง ไม่ไกลแต่กรุงสาวัตถีนัก ยังมีอุบาสกคนหนึ่ง ชื่อว่า นันทิเสน เป็นผู้มีศรัทธา มีความเลื่อมใส. ส่วนภริยาของเขาชื่อว่า นันทา ไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใส เป็นคนตระหนี่ ดุร้าย กล่าววาจาหยาบ ไม่เคารพยำเกรงสามี ด่าบริภาษแม่ผัวด้วยวาจาว่าเป็นโจร. สมัยต่อมานางนันทานั้นทำกาละแล้ว ไปบังเกิดในกำเนิดเปรต แสดงตนในที่ไม่ไกลหมู่บ้านนั้นนั่นเอง. นันทิเสนอุบาสกเห็นนางนั้น จึงได้กล่าวคาถาว่า :-

ท่านมีผิวพรรณดำ มีรูปร่างน่าเกลียด ตัวขรุขระดูน่ากลัว มีตาเหลือง มีเขี้ยวงอกออกเหมือนหมู เราไม่เข้าใจว่า ท่านจะเป็นมนุษย์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กาฬี แปลว่า มีสีดำ. จริงอยู่ วรรณะของนางเปรตนั้น เป็นเสมือนถ่านที่ถูกเผาแล้ว. บทว่า


ความคิดเห็น 5    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 188

ผรุสา ได้แก่ มีตัวขรุขระ. บทว่า ภีรุทสฺสนา แปลว่า น่าสะพึงกลัว คือ มีอาการน่ากลัว. บาลีว่า ภารุทสฺสนา ดังนี้ก็มี, อธิบายว่า เห็นเข้าน่ากลัวอย่างหนัก คือ ไม่น่าดู เพราะมีผิวพรรณน่าเกลียด เป็นต้น. บทว่า ปิงฺคลา แปลว่า ผู้มีนัยน์ตาเหลือง. บทว่า กฬารา ผู้มีเขี้ยวเหมือนหมู. บทว่า น ตํ มญฺานิ มานุสึ ความว่า เราไม่สำคัญท่านว่าเป็นมนุษย์ แต่เราสำคัญท่านว่า เป็นนางเปรต. นางเปรตได้ฟังดังนั้น เมื่อจะประกาศตนจึงกล่าวคาถาว่า :-

ท่านนันทิเสน เมื่อก่อนดิฉันชื่อนันทา เป็นภรรยาของท่าน ได้ทำกรรมชั่วไว้ จึงจากมนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก.

บรรดาบทเหล่านั้น. บทว่า อหํ นนฺทา นนฺทิเสน ความว่า พี่นันทิเสนขา ดิฉันชื่อว่า นันทา. บทว่า ภริยา เต ปุเร อหุํ ความว่า ในชาติก่อนดิฉันได้เป็นภรรยาของพี่. เบื้องหน้าแต่นี้ไป อุบาสกนั้นจึงถามว่า :-

ท่านทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจ เพราะวิบากของกรรมอะไร ท่านจึงจากมนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก.

ลำดับนั้นนางเปรตจึงได้ตอบกะนันทิเสนอุบาสกว่า

ดิฉันเป็นหญิงดุร้าย มีวาจาหยาบคาย ไม่เคารพพี่ กล่าวคำชั่วหยาบกะพี่ จึงจากมนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก.


ความคิดเห็น 6    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 189

นันทิเสนอุบาสกจึงถามอีกว่า :-

เอาเถอะ เราจะให้ผ้านุ่งแก่เจ้า เจ้าจงนุ่งผ้านี้ ครั้นนุ่งผ้านี้แล้ว จงมา ฉันจะนำเจ้าไปสู่เรือน เจ้าไปเรือนแล้ว จักได้ผ้า ข้าว และน้ำ ทั้งจักได้ชมบุตรและลูกสะใภ้ของเธออีกด้วย.

ลำดับนั้น นางเปรตจึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถา แก่นันทิเสนอุบาสกนั้นว่า :-

ผ้านั้นถึงพี่จะให้ที่มือของฉันด้วยมือของพี่เอง ก็ไม่สำเร็จประโยชน์แก่ฉันได้ ขอพี่จงเลี้ยงดูภิกษุทั้งหลาย ผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ผู้ปราศจากราคะ ผู้เป็นพหูสูต ให้อิ่มหนำด้วยข้าว และน้ำ แล้วอุทิศส่วนบุญไปให้ดิฉัน เมื่อท่านทำอย่างนั้น ดิฉันจักมีความสุข สำเร็จความปรารถนาทั้งปวง.

ลำดับนั้น พระสังคีติกาจารย์กล่าว ๔ คาถานี้ว่า :-

นันทิเสนอุบาสกรับคำแล้ว ได้ให้ทานเป็นอันมาก คือข้าว น้ำ ของเคี้ยว ผ้า และเสนาสนะ ร่ม ของหอม ดอกไม้ และรองเท้าหลากชนิด เลี้ยงดูภิกษุทั้งหลาย ผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ปราศจากราคะ เป็นพหูสูต ให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำแล้ว อุทิศส่วนบุญไปให้นางในทันตาเห็น


ความคิดเห็น 7    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 190

วิบาก คือข้าว เครื่องนุ่งห่ม และน้ำดื่มก็เกิดขึ้น นี้เป็นผลแห่งทักษิณา ลำดับนั้น นางเปรตมีร่างกายบริสุทธิ์สะอาด นุ่งห่มผ้าอย่างดี มีค่ายิ่งกว่าผ้าแคว้นกาสี ประดับด้วยวัตถาภรณ์อันวิจิตร เข้าไปหาสามี.

ต่อแต่นั้น เป็นคาถากล่าวโต้ตอบระหว่างอุบาสกกับนางเปรตว่า :-

ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู่ดุจดาวประกายพรึก ท่านมีวรรณะงดงามเช่นนี้ เพราะกรรมอะไร อิฐผลย่อมสำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้ เพราะกรรมอะไร และโภคะทุกสิ่งทุกอย่างอันเป็นที่พอใจเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะกรรมอะไร ดูก่อนเทพธิดา ผู้มีอานุภาพมาก เราขอถามท่าน เมื่อเป็นมนุษย์ ท่านทำบุญอะไรด้วย ท่านมีอานุภาพรุ่งเรืองและมีรัศมีสว่างไสวไปทุกทิศอย่างนี้

พี่นันทิเสน เมื่อก่อนดิฉันชื่อนันทา เป็นภริยาของท่าน ได้ทำกรรมชั่วช้า จึงจากมนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก ดิฉันได้อนุโมทนาทานที่ท่านให้แล้ว จึงไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ดูก่อนคฤหบดี ขอท่านพร้อมด้วยญาติทั้งปวง จงมีอายุ


ความคิดเห็น 8    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 191

ยืนนานเถิด ดูก่อนคฤหบดี ท่านประพฤติธรรมและให้ทานในโลกนี้แล้ว จะเข้าถึงถิ่นฐานอันไม่เศร้าโศก ปราศจากธุลี ปลอดภัย อันเป็นที่อยู่ของท้าววสวัตตี กำจัดมลทินคือความตระหนี่พร้อมทั้งราก ใครๆ ไม่ติเตียนได้ จักเข้าถึงโลกสวรรค์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทานํ วิปุลมากิริ ความว่า ท่านพึงยังมหาทานให้เป็นไปในเขตแห่งพระทักขิไณยบุคคล เหมือนหว่านพืชคือไทยธรรม. คำที่เหลือเหมือนเรื่องที่ถัดกันมานั่นแล.

นางเทพธิดานั้น ครั้นประกาศทิพยสมบัติของตน และเหตุแห่งทิพยสมบัตินั้นแก่นันทิเสนอุบาสกอย่างนี้แล้ว จึงได้ไปยังสถานที่อยู่ของตนตามเดิม. อุบาสกแจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระทำเรื่องนั้นให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุ ทรงแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ถึงพร้อมแล้ว. เทศนานั้นได้มีประโยชน์แก่มหาชน ฉะนี้แล.

จบ อรรถกถานันทาเปติวัตถุที่ ๔