มีเมตตา...เรื่องใกล้ตัว...แต่ไม่ง่าย...ถ้าจะทำ...ด้วยตัวตน
เรื่องของจิตใจเป็นเรื่องที่ระวังยาก เพราะว่าเคยชินกับการเป็นอกุศล ไม่โลภะก็โทสะหรือโมหะ เพราะฉะนั้นเรื่องของกุศลที่จะอบรมเจริญให้มากขึ้นได้นั้น ก็จะต้องเป็นปัญญาที่ประกอบพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะที่รู้ลักษณะของจิตใจขณะนั้นว่าเป็นกุศลหรืออกุศล เพราะขณะใดที่ประพฤติเกื้อกูลจริงๆ ไม่ใช่ด้วยความพอใจหรือด้วยความเป็นพวกพ้อง ในขณะนั้นจึงเป็นลักษณะของเมตตา ฉะนั้น ก็จะต้องเป็นผู้ที่ละเอียดและเป็นผู้ที่พิจารณาจริงๆ
ในชีวิตประจำวันสามารถที่จะอบรมเจริญเมตตาจริงๆ พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะและรู้ลักษณะของเมตตาที่กำลังปรากฏได้ เช่น ในขณะที่เห็นคนใดคนหนึ่ง อาจจะเป็นคนแปลกหน้า อาจจะเป็นคนต่างชาติต่างภาษา ท่านรู้สึกอย่างไรในขณะนั้น มีความรู้สึกเหมือนเห็นเพื่อนหรือว่าเหมือนเห็นศัตรู ถ้าในขณะใดที่มีความรู้สึกเหมือนเห็นมิตรไม่ว่าผู้นั้นเป็นใคร ขณะนั้นเป็นอาการปรากฏของเมตตาเพราะว่ามีการบำบัดความอาฆาตความขุ่นเคืองใจความไม่พอใจเป็นอาการปรากฏ
เมื่อเห็นคนสองคนโกรธกันทะเลาะกัน ถ้าท่านเป็นพวกคนหนึ่งคนใดก็ไม่ใช่เมตตา แต่เป็นโลภะคือมีความเสน่หาเป็นวิบัติ เมตตาคือ เมื่อมีความเป็นมิตรกับทั้งสองคนที่กำลังโกรธกัน ไม่ว่าใครจะประพฤติดีหรือประพฤติชั่วเวลาที่ท่านเห็นคนที่ประพฤติชั่วก็มีความรู้สึกเมตตา สงเคราะห์ สามารถที่จะทำประโยชน์เกื้อกูล กับบุคคลนั้นได้ นั่นคือลักษณะของเมตตาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ไม่ใช่ขณะที่เห็นว่าทำชั่วแล้วก็ขุ่นเคือง ซ้ำเติม ทำให้บุคคลนั้นเดือดร้อน นั่นไม่ใช่ลักษณะของเมตตา
ฉะนั้น ผู้ที่มีเมตตาย่อมเป็นมิตรกับทุกคน เมื่อมีความรู้สึกสนิทสนมด้วยความจริงใจ ก็ย่อมจะมีกรุณาเมื่อบุคคลอื่นประสบความทุกข์เดือดร้อนและย่อมมีมุทิตา เมื่อบุคคลอื่นประสบความสุข ความเจริญ ความสำเร็จและถ้าไม่สามารถเกื้อกูลผู้ประสบทุกข์ยาก หรือแม้ว่าจะได้ทำประโยชน์เกื้อกูลแล้ว ผู้นั้นก็ยังไม่พ้นทุกข์ยากก็ไม่ขุ่นเคือง เพราะรู้ว่าธรรมทั้งหลายย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย ขณะนั้นก็เป็นการเจริญอุเบกขา
..จากหนังสือ "เมตตา" เปิดอ่าน --> คลิกที่นี่
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ