เมื่อเรามีจิตอยู่ ก็ย่อมมีรูปที่เกิดจากจิต เช่น มีลมหายใจเข้าออก นี้คือความสำคัญว่า ทำไมจึงต้องเที่ยบเคียงกับพระธรรมวินัย เพราะนักปฏิบัติส่วนมากเชื่อตามครูที่สอน โดยไม่ตรวจสอบเทียบเคียงกับพระธรรมวินัยเพียงปฏิบัติก็พอแล้ว และคิดเองว่าตรงแล้ว เมื่อมีจิตย่อมต้องมีลมหายใจดังนั้น ที่เข้าใจว่าพอมีสมาธิแล้วไม่มีลมหายใจนั้น เป็นการเข้าใจผิด ที่ยกมานี้ เป็นการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดิฉันมิได้กล่าวด้วยปัญญาของตัวเอง
เกสปุตตสูตร อย่าเชื่อตามๆ กัน 10 ข้อ
1. อย่าได้ถือฟังตามๆ กันมา
2. อย่าได้ถือโดยลำดับสืบๆ กันมา
3. อย่าได้ถือโดยความตื่นว่าได้ยินว่าอย่างนี้
4. อย่าได้ถือโดยอ้างคำว่า
5. อย่าได้ถือโดยนึกเดาเอาเอง
6. อย่าได้ถือโดยคาดคะเน
7. อย่าได้ถือโดยตรึกตามอาการ
8. อย่าได้ถือโดยชอบใจกับลัทธิของตน
9. อย่าได้ถือโดยความนับถือว่าผู้นั้นเป็นครู
10. อย่าได้ถือว่าผู้นั้นควรเชื่อถือได้
ศาสนาแปลว่าคำสอน พุทธแปลว่า ผู้รู้ ศาสนาพุทธจึงแปลว่า คำสอนของผู้รู้ (รู้ความจริงที่เป็นอริยสัจจ์ ฯลฯ) เพราะฉะนั้น ครูอาจารย์ทุกท่านไม่ว่าจะอยู่ในเพศคฤหัสถ์หรือบรรพชิต เมื่อประกาศตนว่าเป็นพุทธบริษัท ต้องมีความเคารพยำเกรงต่อพระธรรมวินัย ไม่ควรสอนสิ่งใดที่ไม่ตรงตามพุทธพจน์ ส่วนศิษย์นั้นก็ต้องมีความเคารพยำเกรงต่อพระธรรมวินัยเช่นกัน คือ ไม่หลงเชื่อครูอาจารย์ โดยไม่ไตร่ตรองพิจารณา ตรวจสอบเทียบเคียงอย่างรอบครอบ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ