คำตอบโดย : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา .. "ความจริงโดยปรมัตถธรรมแล้วเราไม่มี" .. นั้น ขอท่านช่วยสงเคราะห์ให้ความกระจ่างต่ออีกนะท่านเจ้าค่ะ
ข้าน้อยยังติดข้องดุจเสี้ยนแทงเนื้อหักฝังในอยู่ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากพระคุณท่านช่วยเอาเข็มแห่งปัญญาแทงเซาะเสี้ยนนั้นออกให้ที .... ก็โดยผลของการกระทำกรรม ตามลักษณะต่างๆ ส่งผลให้เราต้องเสวยทุกขเวทนาก็มี ... เสวยอุเบกขาเวทนาก็มี ....ให้ เราเสวยสุขเวทนาก็มี .... และเมื่อละเสียได้ซึ่งกิเลส ตัณหา อุปปาทานเราก็ถึงนิพพาน ถึงปานนั้น ก็เรามิใช่หรือที่ต้องแสวงหาความกระจ่างเพื่อไขปัญหาเพื่อการสิ้นอวิชชา ... ก็ใครเล่า ... ไม่ใช่เรากระนั้นหรือท่านเจ้าขา
ที่ท่านว่ามาถูกต้องทุกประการตามโวหารของชาวโลกที่ว่า เราทำทานเรารักษาศีล เราเจริญภาวนา เราทำกรรม เรารับผลของกรรม ไม่ใช่บุคคลอื่น แต่ตามหลักปรมัตถธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ผู้อริยะ แสดงไว้ว่า จะหาอัตตา ตัวเรา เขา ไม่ได้เลย ว่าโดยนัยขันธ์ ที่เกิดขึ้นและเป็นไปทุกขณะ เป็นเพียงขันธ์เท่านั้นที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ว่าโดยนัยของธาตุ ที่เกิดขึ้นและเป็นไปทั้งหมดเป็นเพียงธาตุเท่านั้น จะค้นหาอัตตาตัวเราในธาตุไม่มีแม้อณูเดียวเลย ว่าโดยสัจจะ เป็นเพียงทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป ไม่มีคนสัตว์สิ่งของใดในปรมัตถธรรม
ดังคำกล่าวของวชิราภิกษุณี ตอบมารไว้ โปรดอ่านในพระสูตร
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
๑๐. วชิราสูตร
เป็นเพียงขันธ์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป [วชิราสูตร]
จักษุจึงเป็นอนัตตา ดังนี้
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
ความเป็นอนัตตา ด้วยอำนาจความเป็นทุกข์ไว้ [อนัตตลักขณสูตร]
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
ข้อความบางตอนจาก...
อนัตตลักขณสูตร
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา [มหาวรรค]
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ