ขอนอบน้อมแด่คุณของพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
ไม่ทราบว่า พอจะมีธรรมข้อใดบ้าง ที่จะทำให้ผู้ที่ติดบุหรี่อย่างยอมตายเสียดีกว่าเลิก บ้าง ผู้มีปัญญาที่ศึกษาพระอภิธรรม น่าจะเคารพพระธรรม และสรรเสริญพระธรรม ไม่ยอมให้บุคคลที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรมดูถูกผู้ที่ศึกษาได้ว่า แค่นี้ยังละไม่ได้ แล้วจะไปละกิเลส โลภ โกรธ หลง ได้อย่างไร
เข้าใจว่า ผู้ที่ติดข้องมากถึงขนาดนั้น เพราะยังไม่มีปัญญา เห็นโทษในการติดนั้น แม้ว่าจะนำพระพุทธพจน์ ข้อใด หรือบทใด กี่สูตร ก็ตาม ก็ไม่สามารถช่วยให้ เขาเลิกได้ เพราะปัญญาของเขาไม่มี ความรู้จากการศึกษาพระธรรม เพียงเล็ก น้อย ไม่สามารถทำอะไรกับกิเลสที่สะสมมานานแสนนานได้ ดังนั้น ก็มีเพียงทางเดียว คือ ค่อยๆ สะสม อบรมความเข้าใจในสภาพธรรมให้มากขึ้น ทีละเล็กทีละน้อย จนกว่า จะละโลภะได้ครับ
แล้วถ้าบุคคลผู้นั้น เป็นผู้เผยแพร่พระอภิธรรม จะเป็นปัจจัยให้บุคคลอื่นที่ฟัง ไม่ค่อยมีความศรัทธาในพระธรรมคำสอนหรือเปล่า อุปมาเหมือนคนที่ติดสุรา แต่ไปสอนคนอื่นว่าโทษของสุราไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ ควรจะเลิกนะ และไม่ควรเสพ แต่ตนเองก็ยังเสพอยู่ แต่โดยส่วนตัวก็เข้าใจว่า ถ้าผู้ที่มีปัญญาจริง คงจะไม่โทษคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ก็เสียดายที่ต้องโดนผู้ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อว่าได้ ว่าจะกำจัดกิเลสที่ยากมากๆ ซึ่งเป็นเรื่องของจิต แต่สิ่งที่เป็นเรื่องภายนอกยังละไม่ได้ คงต้องใช้กำลังใจสูงพอสมควร
ถ้ายังศรัทธาในคำสอน ไม่อยากให้ผู้อื่นมาต่อว่า คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ก็น่าจะสู้
"เพื่อสมเด็จพ่อของเรา"
ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้และก็ขออนุโมทนาด้วยเศียรเกล้า
ขอเป็นกำลังใจให้ท่าน ถอนการติดข้องออกให้ได้นะคะ เชื่อว่า คงจะสำเร็จในไม่ช้า เนื่องจากท่าน มีความตั้งใจอย่างแรงกล้า ภาษาทางโลกเขาเรียกว่า รู้แล้วแต่ยังไม่ตัดสินใจ อย่ามัวรีรออยู่เลยนะคะ เหลือเวลาในโลกนี้อีกไม่นานกันทั้งนั้น ขออนุญาตยกตัวอย่างสามีของดิฉัน เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะเลิกสูบบุหรี เขาตัดสินใจวันนี้และเลิกวันนั้นเลย ไม่รอให้ถึงพรุ่งนี้ และเลิกเด็ดขาด ถ้าธรรมคือชีวิตประจำวัน ก็ขอส่งตัวอย่างและความปรารถนาดีนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ยังติดข้องในบุหรี่อยู่นะคะ ขอให้สำเร็จเถิด
ความติดข้องเป็นสิ่งที่มีมาก ลึกซึ้ง เห็นยากและละคลายได้ยาก บางคนยอมตายเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนติด ไม่ยอมละสิ่งที่ติด ไม่เห็นความติดตามความเป็นจริง ไม่เห็นโทษของความติด ไม่เห็นคุณของสภาพที่ดับความติด ไม่เห็นทางที่จะสละออกซึ่งความติดทั้งหลาย เรื่อง "ละ" จะสำเร็จจริงๆ ไม่กลับมาติดอีกต่อไปได้ ต้องด้วย "ปัญญา" ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรลำบากยากเย็น แต่อบรมให้มีปัญญาขึ้น ด้วยการฟังธรรม เพราะพระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหมด เกื้อกูลความรู้ คลายความสงสัย บรรเทาความไม่เข้าใจ เมื่อมีความรู้ถูกต้องเพิ่มขึ้น ก็จะนำไปสู่การละอกุศลทุกอย่างได้ ตามเหตุตามปัจจัย แต่ก็ต้องเป็นการละอกุศลตามลำดับขั้นด้วย ไม่ใช่ให้ละอกุศลข้ามขั้นครับ
โลภะติดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะติดบุหรี่ หรือติดในรสอาหารที่อร่อย ต้องการสิ่งต่างๆ ละได้หรือเปล่า ถ้าไม่อาศัยการฟังธรรมะ การอบรม ปัญญาก็ละคลายกิเลสต่างๆ ไม่ได้ เมื่อได้ฟังพระธรรมมากขึ้น เช้าใจ ขึ้นก็จะทำให้ค่อยๆ ขัดเกลากิเลสคือความติดข้องๆ ได้ตามลำดับค่ะ
ขออนุโมทนากับทุกความเห็นและขอโอกาสแสดงดังนี้:-
ไม่สูบฯ ขันธ์ห้าก็ทุกข์อยู่แล้ว ที่ละไม่ได้ก็ถูกต้อง เพราะปัญญาไม่ประกอบกับจิตทุกดวง ลองพิจารณาอุบายต่อไปนี้
1. ถ้าในโลกมีเราอยู่คนเดียว ความคิดในเรื่องนี้ ก็ไม่มี และคงไม่ยอมตายเสียดีกว่าคิดสิ่งใด สิ่งนั้นก็เป็นอารมณ์ของจิต ไม่คิดถึงสิ่งนั้น สิ่งนั้นก็ไม่มีต่อปัญหานี้ มีกามคุณห้า (รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ) และรูป-นาม (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) คลุมหมด แท้จริง ทุกคนอยู่ในโลกคนเดียว คือ โลกทางตา ... และทางใจ ก็ไม่ต้องกังวลว่าใครจะดูถูก เพราะเขาเหล่านั้นไม่ได้อยู่กับเรา แต่ละคนมีโลกของตนเองความรู้สึกหรืออิ่ม คนอื่นไม่อาจล่วงรู้แทนกันได้ ไม่ควรยึดว่าพฤติกรรมนี้ดีหรือไม่ดี แต่ควรดูผลหรือวิบาก (กรรม) ที่ตามมาเป็นเกณฑ์ตัดสิน ในด้านเศรษฐกิจ ทำให้เสียทรัพย์ ผู้ผลิตยิ่งรวย เรายิ่งแย่ในด้านสุนทรียะ ทำให้นิ้ว มือเหลือง เพราะคราบสารนิโคติน ฯลฯ ริมฝีปากแห้ง หน้าตาอิดโรย เสื้อผ้าสกปรก สิ่งแวดล้อมไม่ดีในด้านสังคม เป็นที่รังเกียจ เบียดเบียนคนใกล้ชิด และเพื่อนบ้านในด้านสุขภาพ ทำให้ปากเหม็น ปวดหัว ไอ เจ็บคอ เสลด เลือด หนอง ทั้งตื่นและหลับ ต้องใช้เวลานอนมากกว่าปกติ โรคถุงลมโป่งพอง เส้นเลือดตีบ โรคกระเพาะ ฯลฯ แม้จะมีวิทยาการเปลี่ยนปอดใหม่ได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ที่มีอยู่แล้วเสียไป เรารอให้หมอหรือคนอื่นมาแก้ ทั้งที่ปัญญาอยู่ใกล้นี่เอง ความอยากสูบ จะเกิดภายในทุก 15 นาที อย่างมากก็อยากตลอดเวลา (แม้กระทั่งในฝัน)
2. ถึงจะมีที่เฉพาะ ให้เสพ ชีวิตก็ไม่เป็นปกติสุข ต้องคอยหลบซ่อน คล้ายอสุรกาย (ขออภัย) ธรรมชาติให้พื้นที่อิสรภาพในชีวิตมา 100% แต่เราทำให้เหลือน้อยลงอีก จากที่แบ่งไปให้ความกลัว (โทสเจตสิก) เช่น ผี เป็นต้น
3. ตามข้อมูล โลกเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4,600 ล้านมาแล้ว 1,000 ล้านปีแรกไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ต่อมา ชีวิตที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น (จุลินทรีย์) เริ่มเกิดขึ้นและใช้เวลาวิวัฒนาการอีก 3,600 ล้านปี จากกระดูกที่ค้นพบ ลงความเห็นกันว่ามนุษย์ เพิ่งมีไม่กี่หมื่นปีหรือแสนปีนี่เอง และคำว่าหมื่น แสน ล้าน ก็ไม่ใช่อายุปีของคนเวลานี้
ช่วงชีวิตสั้นนัก แต่ผู้ที่บั่นทอนทำให้ยิ่งสั้นลงไปอีก ก็คือ ตัวตน ที่ยึดไว้นั่นเอง" ... ..ผู้ใดไม่เห็นความเกิดขึ้น และความเสื่อมอยู่ พึงเป็นอยู่ 100 ปี ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้เห็นความเกิดและความเสื่อม ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ของผู้นั้น.."
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ หน้า 416 10. ชีวิตคืออะไร และ ชีวิตควรเป็นอยู่อย่างไร จึงน่าคิด
ด้วยความปรารถนาดี และขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
การเกิดปัญญา ทำให้เลิกบุหรี่ได้ การติดบุหรี่ก็เป็นธรรมมะ เป็นเหตุให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง (อกุศลวิบากกรรม) ต้องถามว่าขณะนี้รู้ และเข้าใจถึงโทษของบุหรี่หรือยังส่วนใหญ่รู้ทั้งนั้นแต่เลิกไม่ได้ ก็ต้องศึกษากันต่อไป ขอแนะนำให้ท่านไปที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก ไปเยี่ยมและพูดคุยกับผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองดูสัก 2-3 ราย เป็นการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น ถ้าเข้าใจถึงโทษภัยของบุหรี่จริงๆ แล้วปัญญาจะทำให้ท่านเลิกได้
ขออนุโมทนาและเป็นกำลังใจให้ครับในฐานะผู้เคยติดบุหรี่มาเช่นกัน
ผมมีความเห็นว่า
ผู้ที่ติดข้องในสิ่งใด ย่อมมีความสุขอยู่กับสิ่งนั้นๆ จึงไม่อาจตัดใจเลิกได้ง่ายๆ แม้จะมีผู้เตือน ผู้ตำหนิติเตียน แต่เมื่อเขามีสุข การจะไปห้ามเขาทำสิ่งนั้น ก็เท่ากับไปบอกให้เขาละทิ้งความสุข (ส่วนตน) นั้นๆ เสียเป็นธรรมดาว่า เมื่อละเลิกการยึดติด ในสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้แล้ว ก็มักไปยึดสิ่งอื่นแทน เมื่อละความอยาก ในสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้แล้ว ก็มักไปอยากในสิ่งอื่นแทนแม้เลิกบุหรี่ได้ แต่ก็ละการติดข้องในสิ่งอื่นๆ ต่อๆ ไป ไม่ได้อยู่ดี อาจไปติดข้องสิ่งอื่นแทน เหนียวแน่นมากกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะละกิเลส ความยินดีพอใจใน รูป รส กลิ่น ฯลฯ ของสิ่งนั้นๆ จนกว่าจะได้หลุดพ้นด้วยปัญญาจริงๆ แม้บุหรี่มีโทษมาก (ต่อร่างกาย) แต่การเลิก ก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัย เกื้อหนุนให้ละได้เช่น อยู่ในวัดที่เป็นเขตที่ห้ามสูบบุหรี่ ไม่มีเงินซื้อบุหรี่ หรือหาซื้อยาก แพทย์สั่งห้ามสูบเพราะเจ็บป่วยจากบุหรี่เป็นเหตุ ... ดังนั้น เมื่อถึงเวลาของมัน คนๆ นั้นก็จะละได้เอง แล้วก็จะไม่มีใครจะไปบังคับให้เขาสูบบุหรี่ต่อไปได้อีกเลย เพราะเขาหน่ายต่อการเป็นทาสของบุหรี่แล้ว
ดิฉันคิดเห็นว่า ผู้ศึกษาธรรม แม้จะมีความเห็นตรง แต่ด้วยการสะสมบ่อยๆ การเสพคุ้นในนิสัยด้านที่ไม่ดี อาจจะสะสมมาเป็นกัปๆ ก็ได้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะละเลิกนิสัยส่วนตัวเหล่านั้นได้ ก็ไม่แปลกที่จะเจอผู้มีฉันทะในการศึกษาธรรม แต่ยังมีนิสัยตรงกันข้ามต้องเข้าใจว่า เขากำลังจับด้ามมีดอยู่ ไม่ใช่จะสึกง่ายๆ อย่างน้อย หากมีการค่อยๆ สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องไป ไม่เลิกศึกษาซะก่อนสักวันนึง ปัญญาก็จะเกิดขึ้นตามลำดับ และทำให้ละคลายความติดข้องเหล่านั้นได้ ปล. หากเขามีฉันทะในการศึกษาธรรม ลองบอกเขาสิคะว่า "คุณชอบบุหรี่เพราะอยากจะอายุสั้นกว่าวัยอันควรหรือ ถ้ามีอายุยืนๆ เพื่ออยู่ศึกษาพระธรรม จะดีกว่ามั้ย เพราะเหตุว่าการเกิดมาเจอพระสัทธรรมเป็นเรื่องยาก"
เห็นว่าการติดบุหรี่ ก็เป็นการติดในรส กลิ่น สัมผัส เพลินๆ ไปชั่วครู่ เป็นการติดนิสัย เนื่องจากหาที่เกาะในยามเบื่อเพราะเห็นคนอื่นทำ ก็ทำตาม แก้ไขได้แต่เห็นว่าเป็น จำนวนน้อยจากคนส่วนมาก ต้องตั้งใจ หาอุบายไปทางอื่น และเห็นโทษ สำหรับคน ที่ไม่เคยสูบก็ไดแต่แค่เตือนกันไปให้หาสิ่งที่เป็นประโยชน์ทำ