การที่เราขายที่ดิน หรือ ช่วยขายที่ดิน เพื่อนำเงินจากการขายที่ดิน หรือ นายหน้า ก็คือ มีฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย หากผู้ขายบอกเราว่าเอาไปทำห้าง เราก็พอจะอนุมานได้ว่า จะต้องมี supermarket แล้วมีขายสุรา และ ระหว่างก่อสร้างก็คงฉีดปลวก ปลวกตาย เช่นนี้แล้วควรพิจารณาอย่างไรดีครับ จะไม่ขายที่หรือขายที่ดีครับ?
รบกวนขอคำชี้แนะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บาปไม่บาป สำคัญที่เจตนา ขายที่เพื่อให้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น เจตนาไม่ดี ก็บาป ขายที่ไม่มีเจตนาแบบนั้น และต่อไปเขาจะไปทำอะไร ถึงเวลาก็ไม่ทราบ ทุกอย่างก็ตามเหตุปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้ เจตนาขาย ไม่มีเจตนาทุจริต ไม่บาป ครับ
[เล่มที่ 1] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๐๓
พระเจ้าอโศกตรัสถามข้อสงสัยในเรื่องบาป
พระราชา ทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์นั้นแล้ว ก็ตกลงพระทัยว่าบัดนี้ พระเถระจักสามารถเพื่อจะยกย่องพระศาสนาได้ จึงตรัสถามความสงสัยของพระองค์ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ! โยมได้ส่งอำมาตย์นายหนึ่งไปด้วยสั่งว่า เธอไปยังพระวิหารระงับอธิกรณ์แล้วนิมนต์ให้ภิกษุสงฆ์ทำอุโบสถเถิดดังนี้ เขาไปยังพระวิหารแล้ว ได้ปลงภิกษุเสียจากชีวิตจำนวนเท่านี้รูป บาปนั้นจะมีแก่ใคร?
พระเถระ ทูลถามว่า ขอถวายพระพร! ก็พระองค์มีความคิดหรือว่าอำมาตย์นี้ จงไปยังพระวิหารแล้ว ฆ่าภิกษุทั้งหลายเสีย.
พระราชา ไม่มี เจ้าข้า.
พระเถระ ขอถวายพระพร ถ้าพระองค์ไม่มีความคิดเห็นปานนี้ไซร้บาปไม่มีแด่พระองค์เลย.
พระโมคคลีบุตรติสสเถระอ้างพระพุทธพจน์เล่าอดีตนิทาน
ลำดับนั้น พระเถระ (ถวายวิสัชนา) ให้พระราชาทรงเข้าพระทัยเนื้อความนี้ด้วยพระสูตรนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม บุคคลคิดแล้ว จึงกระทำกรรมด้วยกาย วาจา ใจ ๑ ดังนี้. เพื่อแสดงเนื้อความนั้นนั่นแล พระเถระจึงนำติดติรชาดกมา ๒ (เป็นอุทาหรณ์) ดังต่อไปนี้.
ขอถวายพระพร มหาบพิตร ในอดีตกาล นกกระทาชื่อ ทีปกะเรียนถามพระดาบสว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นกเป็นอันมาก เข้าใจว่า ญาติของพวกเราจับอยู่แล้ว จึงพากันมา นายพรานอาศัยข้าพเจ้าย่อมถูกต้องกรรม เมื่อนายพรานอาศัยข้าพเจ้าทำบาป นั้น ใจข้าพเจ้า ย่อมสงสัย ว่า (บาปนั้น จะมีแก่ข้าพเจ้า หรือหนอ)
พระดาบส ตอบว่า ก็ท่านมีความคิด (อย่างนี้) หรือว่า ขอนกทั้งหลายเหล่านี้มา เพราะเสียง และเพราะเห็นรูปของเราแล้วจงถูกแร้ว หรือจงถูกฆ่า นกกระทา เรียนว่า ไม่มีท่านผู้เจริญ
ลำดับนั้น ดาบสจึงให้นกกระทานั้นเข้าใจยินยอมว่า ถ้าท่านไม่มีความคิดไซร้ บาปก็ไม่มีแท้จริง กรรมย่อมถูกต้องบุคคลผู้คิดอยู่เท่านั้น หาถูกต้องบุคคลผู้ไม่คิดไม่ ถ้าใจของท่าน ไม่ประทุษร้าย (ในการทำความชั่ว) ไซร้ กรรมที่นายพราน อาศัยท่านกระทำ ก็ไม่ถูกต้องท่าน บาปก็ไม่ติดเปื้อนท่าน ผู้มีความขวนขวายน้อย ผู้เจริญ (คือบริสุทธิ์)
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณครับที่เกื้อกูลให้มีความกระจ่างขึ้นครับ ผมขอเรียนสอบถามเพิ่มเติมเพื่อสอบทานว่าที่ผมพิจารณานั้นถูกต้องหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจขายหรือไม่? ดังนี้ครับ
มีเจตนาฆ่า พิจารณาจากองค์กรรมบถของปาณาติบาต คือ
1.สิ่งนั้นมีชีวิต
2.รู้ว่าสิ่งนั้นมีชีวิต
3.จิตคิดจะฆ่า
4.มีความพยายามฆ่า
5.สิ่งมีชีวิตนั้นตายด้วยความพยายามนั้น
ด้วยองค์กรรมบถนี้ ชี้ชัดว่า
1.) หากเราทราบชัดเจนว่าผู้ซื้อจะเอาไปทำห้าง และบอกเราว่าจะฉีดปลวกแน่ๆ ไม่ฉีดไม่ได้ ยังไงเขาก็จะฉีด เช่นนี้ การตัดสินใจขายที่ดินของเราย่อมทำให้ปลวกตาย และรู้ว่าขายที่แล้วปลวกตายแน่ๆ เช่นนี้ถือว่า มีเจตนาฆ่า
2.) เราคิดเอาเองว่า ในอนาคตคนซื้อ น่าจะ ทำห้าง ด้วยการคิดเอง หรือ คาดคะเนเอาเอง แล้วถ้าทำคงจะฉีดปลวกแน่เลย โดยผู้ซื้อก็มิได้บอกเราว่าจะเอาไปทำอะไรกันแน่ การคิดเอาเองเช่นนี้ เจตนาฆ่ายังเกิดไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าปลวกจะถูกฉีดหรือไม่ ขายที่ดินในกรณีนี้จึงเป็นเจตนาขาย ไม่บาป
ความเข้าใจผมนั้น ที่เขียนเป็น 2 กรณีนี้ ถูกต้องหรือไม่?
รบกวนขอความกระจ่างในการสอบทานความเข้าใจอีกครั้งครับ
ขอน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรียนความคิดเห็นที่ ๓ ครับ
ใครจะทำอะไร เราไม่สามารถที่จะไปจัดสรรหรือบังคับบัญชาอะไรได้เลย ล้วนเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เมื่อเราไม่ได้มีเจตนาฆ่า หรือ ไม่ได้มีเจตนาสั่งให้ฆ่า ไม่ได้ให้เขาไปทำสิ่งที่ไม่ดี ย่อมไม่มีบาปสำหรับเรา แต่คนอื่นเขาจะทำอะไร นั่น เป็นไปตามการสะสมของเขา แม้ว่าเราจะมีความปรารถนาดี หวังดี ให้เขาทำสิ่งที่ดี เว้นสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้าเขาไม่เห็นประโยชน์ในความหวังดีนั้น ก็ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เพราะเป็นโทษสำหรับเขาเท่านั้น ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาในการเผยแพร่ความรู้ที่เป็นธรรมค่ะ
ขอบพระคุณครับ ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ