หนูขอรบกวนอาจารย์หน่อยนะคะ คือหนูได้ยินคำนี้ในวิทยุจากในรายการนึง หนูเลยสงสัยว่าเป็นอย่างไร ต้องขอรบกวนอาจารย์ด้วยนะคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุญ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรม ขณะใดที่จิตปราศจากโลภะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ ปราศจากกิเลสทั้งหลาย ขณะนั้นเป็นบุญ เป็นสภาพธรรมที่ชำระจิตให้สะอาด (เพราะโดยปกติแล้วจิตสกปรกด้วยเครื่องเศร้าหมองของจิต คือ กิเลส ประการต่างๆ มากมาย) จากที่เป็นอกุศล ก็ค่อยๆ เป็นกุศลขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากขณะที่จิตเป็นกุศล เป็นไปในทาน เป็นไปในศีล เป็นไปในการอบรมเจริญความสงบของจิต และเป็นไปในการอบรมเจริญปัญญา โดยที่ไม่มีตัวตนที่จะไปทำบุญ เพราะบุญอยู่ที่สภาพจิต จิตเป็นกุศล เป็นบุญ ในทางตรงกันข้าม ถ้าจิตเป็นอกุศล ย่อมไม่ใช่บุญเลยแม้แต่น้อย
บุญ ย่อมเกิดขึ้น เจริญขึ้นในขณะที่จิตเป็นกุศล ขณะใดที่จิตเป็นอกุศล หรือตรึกไปด้วยอกุศลวิตกประการต่างๆ เป็นไปกับความติดข้องต้องการหรือเป็นไปกับความโกรธขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจ รวมไปถึงในขณะที่นอนหลับ ขณะนั้นบุญไม่เจริญ และไม่ใช่บุญด้วย (ในขณะที่นอนหลับ ไม่มีกุศล ไม่มีอกุศล เกิดขึ้น โลกนี้ไม่ปรากฏ เพียงแต่เป็นจิตประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นทำกิจรักษาความเป็นบุคคลนี้ไว้เท่านั้น บุญจึงไม่เจริญในขณะที่นอนหลับ) แต่เมื่อใดที่สติเกิดระลึกได้เป็นไปในความดีประการต่างๆ ทั้งในเรื่องของทาน การให้วัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น
ในเรื่องของศีล การวิรัติงดเว้นจากทุจริตกรรม และการน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ในเรื่องความสงบของจิต คือสงบจากอกุศลและในการอบรมเจริญปัญญา ดังนั้นการให้ที่เรียกว่าทาน มีทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล การมีเจตนาให้ ด้วยจิตที่หวังประโยชน์ให้เผยแพร่ในสิ่งที่ถูกต้อง กุศลเจตนามีแล้ว แต่ที่น่าพิจารณา คือ หากทำให้ด้วยความเข้าใจผิด ก็เกิดจิตที่สลับกับอกุศลจิตที่เป็นความเห็นผิดได้ คือ ทำด้วยความเข้าใจผิด เป็นการให้ทาน แต่ทานนั้น มีความเห็นผิดเป็นปัจจัย เพราะเข้าใจหนทางผิด ที่บริจาค ให้สร้างห้องปฏิบัติ เป็นต้น ย่อมเป็นโทษกับผู้ให้ โดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น การให้ เป็นได้ทั้งกุศล และ อกุศล หากให้เพราะมีความเข้าใจในสิ่งที่ผิด ก็มีโทษกับผู้ให้ เพราะมีความเห็นผิดเป็นปัจจัย เพราะฉะนั้น การบริจาค ส่งเสริมอะไรจะต้องพิจารณาความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่ใช่สักว่าจะให้เท่านั้นครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำว่า ทาน แปลว่า ให้ ถ้าให้ในสิ่งที่เป็นโทษ ก็ไม่ใช่บุญ แต่ถ้าเป็นทาน ที่เป็นกุศล เป็นบุญจริงๆ ต้องเป็นจาคเจตนา คือ มีเจตนาที่สละสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น ข้าว นำ้ เสื้อผ้า เป็นต้น แก่ผู้อื่น เป็นสภาพจิตที่ดีงามประกอบด้วยเจตสิกฝ่ายดี มีอโลภะ ความไม่ติดข้อง เป็นต้น
การเจริญกุศลในทางพระพุทธศาสนาทุกอย่างทุกประการ ต้องเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษาศีล และการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นต้น ก็เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อหวังผลหรือต้องการผลจากการได้เจริญกุศลประการนั้นๆ เพราะเมื่อเหตุสมควรแก่ผล ผลก็ต้องเกิดขึ้นเป็นไปอยู่แล้ว โดยไม่ต้องหวัง เพราะในขณะที่หวังนั้นเป็นอกุศล ไม่ใช่กุศล ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะอุปการะเกื้อกูล ให้กุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง จนกว่ากิเลสทั้งปวงจะถูกดับหมดสิ้นไปได้ในที่สุด
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การให้ทานเกิดจากจิตที่ดีงาม เช่น ให้ข้าว ให้น้ำ ให้เสื้อผ้า ให้ที่อยู่อาศัย ให้ยารักษาโรค ให้ของที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น และ ตรงกันข้าม การให้ทานที่ไม่เป็นบุญ เช่น ให้สุรา ให้ยาพิษ เลี้ยงหนังให้ดูละคร ฟังเพลง ฯลฯ ค่ะ
ขอขอบพระคุณมากๆ เลยนะคะ
แม้กุศลขั้นทานเอง ต้องพิจารณาให้ละเอียด จะเผินในธรรมะไม่ได้เลยค่ะ ใครคือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงคุณนามเช่นนี้ได้อย่างไร เหมาะสมที่จะเรียกท่านเช่นนี้ไหม แค่นี้ก็เป็นกุศลแล้วค่ะ ท่านกล่าวน้อมนอบในความดีของท่าน ลึกซึ้งไหมคะ
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนา ครับ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ