ความฟุ้งซ่านเป็นธรรมะที่มีจริง เป็นเจตสิกธรรม จะเรียกว่าอุทธัจจเจตสิกซึ่งเป็นภาษาบาลี ไม่ใช่เพียงรู้จักแต่ชื่อ ควรจะให้เข้าใจถึงลักษณะจริงๆ ของธรรม อุทธัจจเจตสิกเป็นอกุศลสาธารณะเจตสิกซึ่งเกิดกับอกุศลจิตทุกประเภท อกุศลสาธารณเจตสิกมี ๔ ดวง ได้แก่ โมหเจตสิก อหิริกเจตสิก อโนตตัปปะ และอุทธัจจเจตสิก ขณะที่อกุศลจิตเกิด ขณะนั้นมีโมหเจตสิกที่ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง มีอหิริกเจตสิกที่ไม่ละอายต่ออกุศลธรรม มีอโนตัปปเจตสิกที่ไม่เกรงกลัวต่อภัยของ อกุศลธรรม และอุทธัจจเจตสิก ความฟุ้งซ่านเกิดร่วมด้วย ขณะนั้นจิตไม่สงบจะเป็นโลภะหรือโทสะความฟุ้งซ่านก็เกิดขึ้นแล้ว พระอรหันต์ดับอุทธัจจะดับกิเลสทั้งหมดสิ้น แต่ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ก็ย่อมมีความฟุ้งซ่าน บางท่านยังมีความไม่เข้าใจคิดว่าความฟุ้งซ่านเป็นวิบาก เป็นผลของกรรม ดังนั้น การฟังธรรมเพื่อให้เข้าใจจริงๆ คิดเองไม่ได้เลย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงว่า ความฟุ้งซ่านเป็นกิเลสไม่ใช่ผลของกรรม
ขออนุโมทนาค่ะ...
ขอบพระคุณค่ะพี่เมตตา และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ความฟุ้งซ่านเป็นเรื่องธรรมดาของคนมีกิเลส ขณะกิเลสหรือบาปอกุศลเกิดขึ้นครั้งใด ขณะนั้นก็ฟุ้งซ่านแล้ว เพราะอุทธัจจะอันเป็นสภาพของความฟุ้งซ่านไม่สงบเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง ในทางตรงกันข้าม ขณะใดที่จิตเป็นกุศล เป็นบุญ ขณะนั้นจิตย่อมปราศจากความฟุ้งซ่าน
ตราบใดที่ยังไม่สามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ยังไม่พ้นไปจากความฟุ้งซ่าน (อุทธัจจะ) ทุกขณะที่อกุศลจิตเกิดขึ้น เพราะเหตุว่า อรหัตตมรรค ดับอุทธัจจะ ได้อย่างเด็ดขาด ครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เรียนถามท่านอาจารย์วิทยากรว่า...พระอนาคามีดับโทสะเป็นสมุจเฉทด้วยอนาคามิมรรค ดังนั้นท่านก็ไม่มีเหตุให้ต้องฟุ้งซ่านเพราะโทสะอีกใช่หรือไม่ค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
พระอนาคามีดับโทสะได้แล้วท่านก็ไม่มีเหตุให้ต้องฟุ้งซ่านเพราะโทสะอีกต่อไป แต่ยังมีอุทธัทจะที่เกิดร่วมกับโลภวิปปยุต และโมหอุทธัทจะครับ
ขอขอบพระขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาท่านอาจารย์ประเชิญค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณครับ ขออนุโมทนาครับ