[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๘๒ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง (คือ เกิดมากขึ้น) เหมือนกับมิจฉาทิฏฐินี้เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นผิด อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง”
(จาก ... พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต)
ท่านพระโสดาบันบุคคลนั้น ท่านดับความเห็นผิด ที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์
บุคคล ตัวตนแล้ว ท่านจะไม่มีการกระทำอกุศลกรรมที่จะเป็นเหตุให้ท่านไปสู่อบายได้
อีก ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับทิฏฐิความเห็นผิดซึ่งพระโสดาบันดับได้แล้วนั้นก็ยังหนีไม่
พ้นอบายภูมิไปได้ ขึ้นอยู่กับว่า จะเป็นเมื่อใดเท่านั้นเองเพราะเหตุว่า ผู้ที่ยังมีอนุสัย
กิเลสอยู่ ผู้นั้นจะไม่กระทำอกุศลกรรมเลยหรือ ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อไรที่ความ
เห็นผิดมีกำลังขึ้นถึงการก้าวล่วงกรรมบถ...ยังเป็นผู้มีภัย ยังไม่พ้นอบายภูมิ ประตู
อบายภูมิก็เปิดรอรับอยู่ ผู้ที่มีความเห็นผิดย่อมประพฤติปฏิบัติผิด ยิ่งเป็นผู้ที่มีความ
เห็นผิดขั้นนิยตมิจฉาทิฏฐิแล้วยิ่งจมดิ่งอยู่ในสังสารวัฏฏ์ เป็นตอของวัฏฏะ หนทางที่
จะดับความเห็นผิด ก็คือ การอบรมเจริญปัญญา การฟังพระธรรม การศึกษาพระธรรมที่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ด้วยความละเอียด รอบคอบ ให้เกิดความเข้าใจถูก
ความเห็นถูกในลักษณะสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง
"ฟังพระธรรม ให้เข้าใจ ก็จะปลอดภัยที่สุด"
....ขออนุโมทนาค่ะ..
ขออนุโมทนา ครับ กระผมจะหมั่นศึกษา พระธรรม พิจารณาข้อธรรมที่พบเห็น ด้วยปัญญา
(ธรรมมะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ขึ้นชื่อว่าปุถุชนแล้ว ไม่ใช่พระอริยบุคคล ย่อมเป็นผู้พลัดตกไปจากกุศลบ่อยๆ เนืองๆ ไม่สามารถวางใจได้ว่าจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ เพราะตราบใดที่ยังไม่มีปัญญาถึงขั้นที่จะดับกิเลสใดๆ ได้เลย ก็ยังไม่พ้น (จากการเกิดในอบายภูมิ) ซึ่งจะเป็นผู้ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว อกุศลเกิดบ่อยมากในชีวิตประจำวัน เมื่อสะสมมากขึ้น มีกำลังมากขึ้นก็สามารถล่วงเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ เป็นเหตุนำมาซึ่งความทุกข์ความเดือดร้อนในภายหลัง จึงแสดงให้เห็นว่า ภัยของกิเลสนั้นมีมากจริงๆ ที่เกิดวนเวียนอยู่ในวัฏฏะ ก็เพราะยังมีกิเลสอยู่นั่นเอง แต่เมื่อพิจารณาตนเองมากขึ้นก็ยิ่งมีโอกาสที่จะขัดเกลากิเลสละเอียดมากขึ้น ซึ่งจะต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง สะสมปัญญาไปตามลำดับ จึงจะเห็นโทษของอกุศลตามความเป็นจริงและสามารถที่จะขัดเกลาให้เบาบางลงได้ จนกว่าจะถึงการดับกิเลสได้ในที่สุด ครับ. ...ขอบพระคุณพี่เมตตา และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ