โดยมากเรามักจะเข้าใจธรรมะเป็นเรื่องราว แต่ความจริงธรรมะไม่ใช่เรื่องราวแต่เป็นธาตุแต่ละหนึ่งที่เพียงเกิดขึ้นแล้วดับไป แต่เพราะการเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วของสภาพธรรมจึงปรากฏให้เห็นเป็นนิมิตคือรูปร่างสัณฐานหรืออาการปรากฏของสิ่งต่างๆ ที่เราเห็น ในขณะเดียวกันสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นวัตถุก็ยังแสดงอาการเคลื่อนไหวได้อีกด้วย เช่น เราเห็นคนเดินจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่ความจริงคนก็เป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ แสดงว่า อาการเคลื่อนไหวที่เราเห็นเป็นเพียงอาการปรากฏของสภาพธรรม เป็นเพียงเรื่องราวของสภาพธรรม เป็นเพียงภาพลวงตาที่ปรากฏเสมือนว่าเคลื่อนไหวทั้งๆ ที่ความจริงไม่ได้เคลื่อนไหวใช่หรือไม่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่ปรากฏของตา ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เพราะ เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นทางตาเท่านั้น แต่ที่เห็นมีการเคลื่อนไหว เพราะ มีการเกิดดับสืบต่อของสภาพธรรมอย่างรวดเร็วและคิดนึกต่อ มีสมมติบัญญัติเป็นอารมณ์ จึงเห็นเป็นคน เป็นสัตว์เคลื่อนไหว ครับ ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่ได้เห็นความเคลื่อนไหว แต่เห็นเพียงสีคือสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว จึงปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐานต่างๆ กว่าจะมาเป็นคนเดินเคลื่อนไหวไปนั้น สภาพธรรมเกิดดับนับไม่ถ้วน และที่สำคัญต้องมั่นคงจริงๆ ว่า เห็น เพียงสีซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาได้เท่านั้น และถ้าไม่คิดนึกต่อ ซึ่งก็เป็นกิจหน้าที่ของธรรม ก็จะไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นอะไร เพราะฉะนั้นแล้ว เห็นแล้ว คิด หรือ แม้ไม่เห็นก็คิดได้ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เราครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ทุกๆ วันอยู่ในโลกบัญญัติ เพียงเห็นนิดเดียวสั้นๆ นอกนั้นเป็นบัญญัติคิดทั้งหมดค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ