"การมีชีวิตที่ประเสริฐ "
ในทางพระพุทธศาสนาคุณค่าของการมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ชีวิต คือ จิต เจตสิกและรูปที่เกิดขึ้น ประชุมรวมกัน จึงบัญญัติว่าชีวิต การได้เกิดเป็น
มนุษย์เป็นผลของกรรมดีที่ได้กระทำมาจึงทำให้เกิดเป็นมนุษย์ การได้เกิดเป็นมนุษย์จึง
เป็นเรื่องยาก เพราะโดยมากในชีวิตประจำวัน จิตไหลไปสู่อกุศลมากกว่ากุศล
ในพระพุทธศาสนา จึงได้แสดงสิ่งที่เป็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ไว้ว่า สาระของชีวิต
มนุษย์นั้นคือ การเจริญกุศลทุกๆ ประการและอบรมเจริญปัญญา ตามกำลังความสามารถ
เท่าที่จะทำได้ครับ เพราะในความเป็นจริง เมื่อบุคคลเกิดมาเป็นมนุษย์สิ่งที่ติดตัวมา คือ
การสะสมสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดีในจิต และเมื่อบุคคลนั้นจะต้องตายจากไป ทรัพย์สมบัติก็ไม่
ได้ติดตัวไปด้วย ลาภ สักการะก็ไม่ได้ติดตัวไปด้วย สิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่สาระและเป็นคุณ
ค่าจริงๆ กับชีวิตในการแสวงหา เพราะเป็นของชั่วคราว ไม่ได้นำมาซึ่งประโยชน์กับ
บุคคลนั้นได้จริง แต่สิ่งที่จะติดตามบุคคลนั้นไปเมื่อตายแล้ว คือ กุศลกรรม และ
อกุศลกรรมที่ได้ทำไว้เท่านั้นครับ แต่อกุศลกรรม ไม่ใช่สิ่งที่มีคุณค่าและเป็นสาระของ
ชีวิตที่ได้เกิดเป็นมนุษย์เพราะนำมาซึ่งโทษ นำมาซึ่งความไม่เป็นประโยชน์กับผู้ที่
ประพฤติอกุศลครับ ชีวิตที่ดำเนินไปด้วยการทำอกุศลกรรม จึงไม่ใช่การมีชีวิตอยู่อย่างมี
คุณค่าเลย แต่สิ่งที่มีค่า มีสาระ เพราะนำมาซึ่งประโยชน์และชำระล้างสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีค่า
ออกจากจิตใจ คือ กุศลธรรมและปัญญานั่นเองครับ ดังนั้น สิ่งที่มีค่าในการดำรงชีวิตอยู่
คือ การเจริญกุศลและอบรมปัญญา ที่เป็นศีลสาระ สมาธิสาระและปัญญาสาระ และการ
ใช้ชีวิตที่ประเสริฐอย่างมีคุณค่า คือ การมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา เพราะปัญญาย่อมเป็น
เหมือนแสงสว่าง นำทางให้กับผู้ที่ดำรงชีวิตประจำวันในความเป็นมนุษย์ ให้ดำเนินไป
ในทางที่ถูกต้อง ทั้งทางกาย วาจาและใจด้วยปัญญาเป็นผู้ชี้ทาง ดังนั้น การมีชีวิตอยู่
อย่างมีคุณค่าและประเสริฐในพระพุทธศาสนา คือ การมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาครับ ซึ่ง
ปัญญาจะมีได้ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น ชีวิตที่มีคุณค่า คือ
การเจริญกุศลทุกประการและอบรมปัญญา มีคุณค่าเพราะมีสิ่งที่มีคุณค่าเกิดที่ใจ คือ
คุณความดีและปัญญาครับ ขออนุโมทนา
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบด้วยพระคาถาว่า
ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันประเสริฐที่สุดของบุรุษในโลกนี้ ธรรมที่บุคคล
ประพฤติดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ สัจจะแลเป็นรส ยังประโยชน์ให้สำเร็จกว่ารสทั้ง
หลาย นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตของบุคคล ผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญาว่า ประเสริฐที่สุด.
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒- น้าที่ 416
ก็ผู้ใดมีปัญญาทราม มีใจตั้งมั่น พึงเป็น
อยู่ ๑๐๐ ปี ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้มีปัญญา มี
ฌาน ประเสริฐกว่า (ความเป็นอยู่ของผู้นั้น) .
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 367
๑๐. สารสูตร ว่าด้วยสาระ ๔ ประการ
[๑๕๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สาระ ๔ นี้ ฯลฯ คือ สีลสาระ สมาธิสาระ ปัญญาสาระ วิมุตติสาระ นี้แล สาระ ๔ ประการ.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นของยาก และต้องเป็นผลของกุศลกรรมเท่านั้น เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ เมื่อมีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาเป็นปกติในชีวิตประจำวัน นั่นย่อมเป็นชีวิตที่มีค่าเป็นอย่างมาก เพราะเหตุว่าตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีโอกาสที่จะได้เจริญกุศลประการต่างๆ รวมถึงการอบรมเจริญปัญญาด้วย ซึ่งเป็นการสะสมเหตุที่ดีที่จะติดตามไปในภพหน้าได้ ไม่มีใครสามารถทราบได้ว่าเมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว จะไปเกิดในภพภูมิใด ถ้าหากไปเกิดในอบายภูมิ ย่อมหมดโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรม ไม่มีโอกาสที่จะอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ ฉะนั้นแล้ว ทุกๆ วันจึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำชีวิตที่ยังมีอยู่ ยังเหลืออยู่นี้ ให้เป็นชีวิตที่มีค่ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถือเอาสาระจากการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ให้มากที่สุด ถ้าเป็นผู้ได้ศึกษาธรรมอบรมเจริญปัญญา เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เข้าใจในเหตุในผล บุคคลนั้นก็ย่อมสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ พร้อมกับมีความเจริญในกุศลธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปด้วย เนื่องจากว่า เป็นผู้มีชีวิตประกอบด้วยปัญญา เป็นอยู่ด้วยปัญญา มีปัญญา เป็นที่พึ่ง นั่นเอง เพราะประโยชน์สูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็เพื่อฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจยิ่งขึ้น เป็นคนดีควบคู่ไปกับการฟังพระธรรม ครับ . ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
มีชีวิต อยู่เพื่อปัจจุบัน.... ปัจจุบันมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด เมื่อจากโลกนี้ไป
ความดีเหล่านั้น จะได้เป็นของโลก ไม่ใช่ของเรา
ขออนุโมทนาการมีชีวิตที่ประเสริฐ คือการมีชีวิตด้วยความเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างถ่องแท้ครับ ซึ่ง
ในการดำรงชีวิต เราก็ต้องมีความรู้อย่างถ่องแท้ในการงาน อาชีพ การเข้าสังคม การครอง
เรือน ฯลฯ แต่ชีวิตที่ประเสริฐสูงสุด คือการมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า "ชีวิต" คืออะไร
แท้จริงแล้ว ที่เราเรียกว่าชีวิตนั้น เป็นการรู้สิ่งต่างๆ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทาง
ลิ้น ทางกาย แล้วก็มีความคิดและความจำทางใจ หากทวารใดทวารหนึ่งเสียหายหรือ
พิการไป ชีวิตก็จะไม่เหมือนเดิม นี่แสดงให้เห็นลักษณะที่ไม่แน่นอนของชีวิต ซึ่งพระผู้
มีพระภาคได้ทรงแสดงพระธรรมอธิบายไว้โดยละเอียด หากเรามีศรัทธาและเห็นประ-
โยชน์ในการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็ย่อมมีชีวิตที่ประเสริฐ และเป็น
คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ในยุคที่พระศาสนายังไม่สูญไปครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ผมเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ และเพิ่งเริ่มศึกษาพระธรรม ขอขอบคุณทุกท่านที่เมตตาแสดง
ข้อคิดเห็นและข้อธรรมะ
ขออนุโมทนาในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้ การมีชีวิตอยู่ 100 ปี แต่ไม่ได้เจริญสติปัฏฐาน ยังไม่
ประเสริฐเท่ากับการมีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวเจริญสติปัฏฐานค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ถ้าเข้าใจความจริงว่า "ชีวิตคืออะไร?"
ก็จะได้คำตอบว่า....มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรค่ะ
ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กล่าวย้ำเตือนซ้ำว่า
ชีวืตที่เหลือเพื่อความเข้าใจ (พระธรรม)
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ซึ้งใจกับทุกๆ ท่านครับ ขอบพระคุณมาก และขอน้อมอนุโมทนาครับ