แม้เดี๋ยวนี้เอง ก็เป็นการตายจากไปทุกๆ ขณะ
โดย Guest  2 มี.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 2941

แม้เดี๋ยวนี้เอง ก็เป็นการตายจากไปทุกๆ ขณะ หมายความว่าอย่างไรครับ



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 2 มี.ค. 2550

การตายตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์มีหลายประเภท การแตกดับของนามรูป ทุกๆ ขณะในชีวิตประจำวันชื่อว่าตายทุกๆ ขณะ การตายของคนหนึ่งในชาติหนึ่งและไปเกิดภพใหม่เป็นการตายแบบสมมติ การตายของพระอรหันต์ไม่ต้องเกิดอีกเลย เรียกว่า สมุทเฉทมรณะโปรดดูรายละเอียดจากอรรถกถา

เชิญคลิกอ่าน ...

มรณะมีกี่อย่าง


ความคิดเห็น 2    โดย study  วันที่ 2 มี.ค. 2550

เชิญคลิกอ่าน ...

อย่างไรเรียกว่า มรณะ [มรณนิทเทส]


ความคิดเห็น 3    โดย pornchai.s  วันที่ 2 มี.ค. 2550

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 4    โดย supakorn  วันที่ 6 มี.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย praisin  วันที่ 11 มี.ค. 2550

หมายความว่าปัจจุบันคือสิ่งที่เราควรจะให้ความสนใจมากที่สุดเพราะถ้า ปัจจุบันไม่ดี อนาคตก็ย่อมจะไม่ดี อดีตก็จะไม่ดีด้วย ดังนั้นเวลาที่ผ่านไปคือการ ตายอยู่ทุกขณะ เราต้องทำตนเองให้ดีอยู่เสมอ


ความคิดเห็น 6    โดย Guest  วันที่ 11 มี.ค. 2550

อดีตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วและดับไปแล้ว ไม่อาจไปแก้ไข หรือเรียกให้กลับคืนมาได้ ขณะนี้ก็มีการตายเกิดขึ้นทุกๆ ขณะ คือ จิต หรือ ใจ ซึ่งเป็นสภาพรู้ ที่มีการเกิด ดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วมาก จิตที่ดับไปก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที โดยไม่มีระหว่างคั่น การเกิดดับของจิตเป็น ขณิกมรณะ หรือ เป็นการตายทุกๆ ขณะจิต ความเข้าใจพระธรรมเป็นปัญญา ซึ่งต้องเริ่มด้วยสัมมาทิฏฐิ

ผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรม ก็ย่อมไม่เข้าใจความจริงของสภาพธรรม ที่ปรากฏในชีวิต ประจำวัน จึงยึดถือทุกสิ่งทุกอย่างว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ บุคคล พระผู้มีพระภาคทรงแสดงหนทางอบรมเจริญปัญญาอย่างละเอียด ทรงแสดงเหตุ และปัจจัยที่ทำให้การอบรมปัญญาเจริญขึ้น ซึ่งโดยย่อ ก็คือ การฟังธรรมและเห็นประโยชน์ของการศึกษาธรรม เมื่อปัจจัยทั้งสองนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เนืองๆ ปัญญาก็ ย่อมอบรมเจริญขึ้นได้


ความคิดเห็น 7    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 29 ต.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ