อยากทราบว่าสิ่งที่ตนปฏิบัตินั้น ถูกหรือผิด เราควรเลือกทางใด
โดย mamatonnam  30 ต.ค. 2560
หัวข้อหมายเลข 29277

อยากทราบว่าสิ่งที่ตนปฏิบัตินั้น ถูกหรือผิด เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดความสับสนในใจ

เรื่องมีอยู่แล้ว มีคนคอยจับจ้องหาความอยู่เป็นนิจ มีเรื่องราวเกิดขึ้นหลายครั้ง ทุกครั้งจิตใจกระเพื่อม แต่ก็ลด ละ ให้สงบโดยเร็ว แต่ความรุนแรงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เจตนาชัดขึ้น จนตัดสินใจจะออกจากสังคมนี้ เนื่องจากไม่อยากพบเจอคนพาล ที่มีแต่จะก่อให้เกิดโทสะ แต่เพื่อนๆ หรือทางโลกก็ย้ำเตือนให้ต่อสู้ การออกจากสังคมคือคนขี้ขลาด เป็นคนอ่อนแอ แต่ในใจลึกๆ ที่ได้ตัดสินใจออกจากสังคมนี้ มันโล่งมาก มันรู้สึกว่าเราอยากอยู่แบบสันติ อยู่อย่างสมถะ ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ก่อให้เกิดกิเลสน้อยที่สุด พยายาม ที่จะลด ละ เลิก วาง เสีย ซึ่งไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนมานานแล้ว เพียงแต่ต้องการความสงบในการทำงาน แค่นั้น

ตอนนี้เลยสับสนในใจเป็นอย่างมาก ว่าสิ่งที่เราปฏิบัติอยู่นั้น มันใช่ทางธรรมหรือไม่ มันใช่ทางพ้นทุกข์หรือไม่ หรือว่าเราเป็นคนขี้ขลาดจริงๆ อย่างที่สังคมกล่าวไว้

รบกวนผู้รู้ ช่วยชี้แนะหน่อยคะ ว่าจริงๆ ควรทำอย่างไร

ขอบคุณคะ

mamatonnam



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 12 พ.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประโยชน์จริงๆ อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะแท้ที่จริงแล้ว ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีแต่ธรรม เท่านั้น ที่เป็นคนไม่ดี เป็นคนพาล ก็เพราะบุคคลนั้นมีอกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ขณะที่เราเข้าใจตามความเป็นจริงว่า บุคคลที่มีกาย วาจา อย่างใด ก็เป็นไปตามการสะสมของบุคคลนั้นเอง ซึ่งสะสมมาที่จะคิด พูด หรือกระทำอย่างนั้นๆ ถ้าเป็นการคิด พูด และกระทำในทางที่เป็นอกุศล ก็เป็นอกุศลของเขา เมื่อเขาเป็นอย่างนี้ควรอย่างยิ่งที่เราจะสงสารเขา ไม่ควรซ้ำเติมเขา ถ้าจะเป็นมิตรกับเขาได้ นั่นย่อมเป็นสิ่งที่ดี โดยที่ไม่ใช่การไปคลุกคลี แต่มุ่งประโยชน์แก่เขา แนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ขณะนั้นความเป็นมิตรความเป็นเพื่อนก็เกิดมีในเรา เพราะเหตุว่า ความเป็นมิตร มิได้เจาะจงที่จะเป็นมิตร เฉพาะกับคนที่ดี เท่านั้น แต่ทั่วไปหมดทุกคน

ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา มีข้อความที่อุปมาเปรียบเทียบไว้ว่าบุคคลที่มีความประพฤติไม่ดี เลวทราม เปรียบเหมือนกับที่เป็นไข้หนัก ไม่มีคนดูแลรักษา ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มียารักษาโรค และเราสามารถที่จะช่วยเขาให้มีกำลังพอที่จะสามารถเดินต่อไปได้ ก็ควรที่จะช่วยเหลือ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ก็แสดงให้เห็นว่า ความเป็นมิตร สามารถที่จะขยายกว้างออกไป เพราะว่า ความเป็นมิตร ย่อมไม่โกรธ ย่อมไม่หวังร้าย ซึ่งเป็นการเตือนให้รู้จักว่า "มิตรแท้จริงๆ ก็คือ กุศลธรรม นี้เอง"

ขณะที่เป็นอกุศลจิต คิดไม่ดีต่อคนอื่น ตรงกันข้ามกับมิตรอย่างสิ้นเชิง ขณะนั้นมีศัตรูที่ใกล้ที่สุด อยู่ที่จิตของตนเอง และกำลังทำร้ายตนเองโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ต่อไปถ้าศัตรูนี้มีกำลังมากขึ้นก็จะทำอันตรายได้มากกว่านี้อีก อกุศลนี้เอง เป็นศัตรูที่มองไม่เห็นอย่างแท้จริง ควรอย่างยิ่งที่จะขัดเกลาละคลายให้เบาบาง

ไม่เคยมีใครไม่เคยทำผิด แม้แต่ตัวเราเองก็เคยทำผิดมาเหมือนกัน เวลาทำผิดแล้ว เราเองก็อยากจะให้คนอื่นเขาเห็นใจ ไม่ต้องการการซ้ำเติม ฉันใด คนอื่น ก็เป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว ความเป็นมิตรเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน สำคัญที่สุด เกื้อกูลเท่าที่จะเกื้อกูลได้ อดทน เพื่อที่จะให้เขาเป็นคนดี แต่การโกรธ การเบียดเบียนตอบ ย่อมไม่ควรโดยประการทั้งปวง ด้วยเหตุนี้ ความเป็นมิตร ต้องอยู่ที่จิตและต้องเป็นสภาพธรรมที่เป็นกุศล นั่นเอง ครับ ก็ขอให้คุณmamatonnam หนักแน่นมั่นคงในคุณความดีต่อไป และไม่ขาดการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ซึ่งจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงในชีวิต ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 2    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 13 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย peem  วันที่ 15 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 19 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย chatchai.k  วันที่ 19 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา