เมื่อกล่าวถึงการขัดเกลาจิตใจหรือยกระดับจิตใจให้สูง ย่อมต้องมีขั้นตอนในการปฏิบัติ เพื่อไปถึงยังขั้นนิพพาน ดังนั้น ต้องทำอย่างไรบ้างครับ? แล้วพระพุทธองค์ตรัสเกี่ยวกับประเด็นนี้ไว้อย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับ การถึงการบรรลุธรรม ใน คณกโมคคัลลาณสูตรว่า
การจะถึงการบรรลุธรรม ถึงพระนิพพาน จะต้องเป็นไปตามลำดับ เปรียบเหมือน คนที่ฝึกม้าที่ฉลาด เมื่อเริ่มฝึกม้าก็จะต้องเริ่มจากสิ่งที่เป็นพื้นฐาน เบื้องต้น มีการให้ฝึกใส่บังเหียนและค่อยฝึกในสิ่งที่ยาก ฉันใด การบรรลุ นิพพานที่เป็นสิ่งที่ยากที่สุด ก็จะต้องเริ่มจากการศึกษาเป็นลำดับ คือ เริ่มจากการฟังให้เข้าใจ มีการคบสัตบุรุษ คือ เข้าไปหา ไปนั่งใกล้ อันหมายถึง การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า ชื่อว่า เข้าไปหาเข้าไปนั่งใกล้ แล้วเงี่ยโสตลงสดับ คือ ตั้งใจฟัง เมื่อตั้งใจฟังแล้ว พิจารณาธรรมที่ได้ฟัง จนปัญญาเจริญขึ้นย่อมรู้ความเป็นจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ ที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา ที่เรียกว่าปฏิบัติ และ เมื่อรู้ความจริงบ่อยๆ ก็ย่อมถึง ปฏิเวธ คือ การบรรลุธรรม ประจักษ์พระนิพพาน ครับ
ดังนั้น ขั้นตอนเริ่มต้น ต้องสำคัญที่เริ่มจากความเห็นถูก คือ สัมมาทิฏฐิ ในขั้นการฟังเป็นเบื้องต้น เมื่อมีความเข้าใจขั้นการฟัง เป็นเบื้องต้นถูกต้อง ปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นเอง พร้อมกับกุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้น จนถึงการรู้ความจริงของสภาพธรรมและถึงการบรรลุนิพพานได้ สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกเป็นเบื้องต้น เป็นแสงเงินแสงทอง ที่จะนำไปสู่ การบรรลุธรรม
ดังนั้น ไม่ต้องทำอะไร นอกจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ศึกษาพระธรรมในหนทางที่ถูกต้อง ธรรมจะทำหน้าที่เอง คือ ปัญญาเกิดขึ้น ทำหน้าที่รู้ความจริงทีละน้อย ก็ค่อยๆ ละกิเลสไปทีละน้อย จนปัญญาคมกล้า แต่ต้องอาศัยระยะเวลายาวนาน นับชาติไม่ถ้วน ย่อมถึงการบรรลุธรรม ประจักษ์พระนิพพาน ครับ เริ่มจากเหตุที่ถูกต้อง คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ผลย่อมมีได้เอง
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของผู้รู้ คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้วทรงแสดงธรรมให้ผู้อื่นได้รู้ตาม เป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อละตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรด้วยความเป็นตัวตนหรือจดจ้องต้องการ โดยปราศจากความเข้าใจ จะเห็นได้ว่าในพระพุทธศาสนา มีคำว่า "ปฏิบัติธรรม" แต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรแล้วแล้วจะไปปฏิบัติ ไม่ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจแล้วจะไปปฏิบัติเลย ไม่ใช่อย่างนั้นโดยประการทั้งปวง เพราะเป็นเรื่องของความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้น ว่า ไม่ใช่ตัวตนที่ไปปฏิบัติ แต่เป็นกิจหน้าที่ของสภาพธรรมฝ่ายดี คือ สติและปัญญา เกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง โดยมีพื้นฐานมาจากความเข้าใจถูกเห็นถูกในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริง ซึ่งจะขาดปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจถูก เห็นถูกไม่ได้เลย พระอริยสาวกทั้งหลายที่ท่านได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคล ล้วนเป็นผู้อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกมาแล้วทั้งนั้น เมื่อปัญญาถึงความเจริญสมบูรณ์พร้อม ก็ทำให้ท่านเหล่านั้นรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ได้ ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ก็เพราะได้สะสมปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูกมาแล้ว นั่นเอง ซึ่งจะต้องมีเหตุที่ทำให้ท่านได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม คือ การได้สะสมปัญญามาแล้วตลอดระยะเวลาที่ยาวนาน เป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง ได้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ท่านเหล่านั้น ไม่ขาดการฟังพระธรรม เพราะถ้าขาดการฟังพระธรรมแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะอบรมเจริญปัญญาได้ ไม่มีเหตุที่จะทำให้ปัญญาจะเจริญขึ้นได้เลย ดังนั้น จึงสำคัญอยู่ที่การเริ่มฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ก่อนที่จะไปถึงพระนิพพาน ต้องสะสมปัญญามาก สะสมการเป็นคนดี เสียสละมากและเริ่มต้นด้วยความเห็นถูก ความเข้าใจถูกในพระธรรม ไม่ขาดการคบหากับสัตบุรุษ ไม่ขาดการศึกษาพระธรรม ปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นจนดับกิเลสได้ในที่สุด ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมไม่มีทำไง เพราะไม่มีใครทำ
ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน
ทางนี้เป็นทางสายเอกเท่านั้น
"อริยมรรคมีองค์ ๘"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกท่านครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ