ปัญญาจากการฟัง กล่าวว่า นามธรรมใดไม่เกิดเมื่อนั้นก็ไม่มีเราในนามธรรมนั้น แต่เมื่อมีนามธรรมนั้นเกิด เมื่อนั้นก็จะมีความเป็นเราเกิดขึ้นด้วยความไม่รู้ แล้วรูปธรรมล่ะครับมันมีอยู่ตลอดเวลาในสิ่งที่เรียกว่าร่างกายคนสัตว์ จะเห็นว่ามันไม่ใช่เราก็ต่อเมื่อมันสลายไปแล้ว ซึ่งใช้เวลานาน ทำไมจึงไม่เห็นว่ามันเกิดดับเลย ณ ขณะนี้ ต้องเป็นจิตที่ตั้งมั่นถึงอุปจารสมาธิ และอัปนาสมาธิใช่ไหม จึงเห็นได้? ถ้าเป็นหลอดไฟที่กระพิบช้าๆ ก็ยังพอเห็นได้และเชื่อในเหตุผลนั้น คำถามของผมมีเท่านี้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่จะไม่ดับไป ล้วนแล้ว เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งนั้น ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน นามธรรม คือ จิตและเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย เกิดแล้วก็ดับไป มีอายุที่สั้นแสนสั้น สำหรับรูปกลุ่มต่างๆ ก็ทะยอยกันเกิดทยอยกันดับ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ความจริงเป็นอย่างนี้ ในขั้นต้น ไม่ใช่การประจักษ์แจ้งในความเกิดดับของสภาพธรรม เพราะการที่จะประจักษ์แจ้งในความเกิดดับของสภาพธรรม ต้องเป็นปัญญาในระดับขั้นที่เป็นวิปัสสนาญาณ แต่ในขั้นต้น ก็คือ ฟังให้เข้าใจว่า แต่ละหนึ่ง เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่เรา ไม่มีอะไรที่เป็นเราเลย เห็นเป็นเห็น ได้ยินเป็นได้ยิน รูปแต่ละรูป ก็เป็นรูปแต่ละรูป เป็นต้น ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย และที่สำคัญ จะขาดการฟังพระธรรมไม่ได้เลยทีเดียว เมื่อฟังบ่อยๆ เนืองๆ พิจารณาไตร่ตรองในความเป็นจริงของธรรม ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ข้ามขั้นไม่ได้เลย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ