มรรคจิตเกิดหนึ่งครั้ง แล้วผลจิต อยากทราบว่าผลจิตเป็นอารมณ์ของฌานจิตได้หรือไม่ และเมื่อผลจิตเกิดจะเกิดได้มากมายเหมือนฌานจิตหรือไม่
ผลจิตเป็นจิตขั้นโลกุตตรจิต เป็นจิตของพระอริยบุคคล ฌานจิตไม่สามารถรู้ผลจิตได้ แต่อภิญญาจิตของพระอริยบุคคลรู้ได้ ผลจิตของพระอริยบุคคลเกิดหลายขณะได้เมื่อท่านเข้าผลสมาบัติ
ผลสมาบัติคืออะไร เป็นอารมณ์ของพระอริยบุคคลผู้ได้อภิญญาจิต หมายความว่าเป็นอริยที่ได้ฌาน แล้วสามารถน้อมผลจิตนั้นเป็นอารมณ์ เหมือนกับบุคคลที่ได้ฌานอย่างนั้นหรือ
ผลสมาบัติ คือ พระอริยบุคคลผู้ได้ฌาน ย่อมเข้าผลสมาบัติตามที่ตนบรรลุ เช่น พระโสดาบันเข้าโสดาปัตติผล มีผลจิตเกิดต่อเนื่องกัน มีพระนิพพานเป็นอารมณ์
ขณะที่โสดาปัตติผลมีนิพพานเป็นอารมณ์ จะมีภวังคจิตเกิดคั่นไหม
ถ้าพระโสดาบันบุคคลท่านนั้นไม่ได้็ฌาน ท่านสามารถน้อมเอาพระนิพพานมาเป็นอารมณ์โดยให้โสตาปัตติผลจิตเกิดขึ้นบ่อยๆ ได้หรือไม่ครับ
ขณะที่เข้าผลสมาบัติไม่มีภวังคจิตคั่นเลย ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ไม่ปรากฏชัดเจนว่าพระอริยบุคคลผู้ไม่ได้ฌานเข้าผลสมาบัติได้
ได้ฟังเทปพระอริยบุคคลที่ไม่ได้ฌานจะไม่มีผลจิตเกิดอีกเลย ไม่ทราบว่าเข้าใจถูก หรือเปล่า
ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ไม่ปรากฏชัดเจนว่าพระอริยบุคคลผู้ไม่ได้ฌาน เข้าผลสมาบัติได้ ถ้าเป็นดังนี้ ผลจิตของพระอริยบุคคลที่ไม่ได้ฌานผลจิตไม่เกิดในภายหลังอีก
มหากุศลญาณสัมปยุต พิจารณาผลจิต หมายความว่าพิจารณาโดยไม่มีผลจิตเกิดขึ้น แต่พิจารณาสิ่งที่ล่วงไปแล้วหรือคะ
มรรคจิตและผลจิตจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในสังสารวัฏฏ์เท่านั้น คือในมรรควิถี (มรรคจิตจะเกิดเพียง ๑ ขณะ ส่วนผลจิตเกิดได้ ๒ หรือ ๓ ขณะ ตามกำลังของปัญญา) แต่หลังจากนั้นแล้ว สำหรับพระอริยบุคคลที่ได้ฌานสมาบัติ สามารถมีนิพพานเป็นอารมณ์ได้โดยเป็นอารมณ์ของฌาน แทนที่จะมีบัญญัติเป็นอารมณ์
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
พระไตรปิฎก
ฟังธรรม
วีดีโอ
ซีดี
หนังสือ
กระดานสนทนา
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)