ปัญญาเป็นสังขารธรรม เป็นสังขตธรรม คือ สภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง แต่ วิมุติหรือนิพพานเป็นวิสังขารธรรม เป็นอสังขตธรรม คือ สภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
ดังนั้นเมื่อนิพพานเป็นอสังขตธรรม คือ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งเลย เหตุใดเราจึงต้องอบรมเจริญปัญญาซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ปรุงแต่งเพื่อเข้าถึงนิพพาน กระผมขอให้ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ท่านอาจารย์และวิทยากรทุกๆ ท่านช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องถึงวัตถุประสงค์จริงๆ ของการอบรมเจริญปัญญา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพราะหนทางที่จะถึงอสังขตธรรมคือ อบรมจากสิ่งที่กำลัง กำลังปรากฏ ที่เป็นสภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง ด้วยปัญญาที่เข้าใจถูก ซึ่งก็เป็นสภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง สภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่สามารถเกิด ให้อบรมให้เกิดเองได้ แต่ ด้วยสภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง ก็เข้าถึงสภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งได้ ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง แสดงถึงความเป็นจริงทั้งหมด เมื่อกล่าวถึงธรรมแล้ว ไม่พ้นไปจากนามธรรม และ รูปธรรม, สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่ใช่นามธรรมก็เป็นรูปธรรมทั้งหมด นามธรรม แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ นามธรรมที่รู้อารมณ์ได้แก่ จิต และ เจตสิก และนามธรรมที่ไม่รู้อารมณ์ ได้แก่ พระนิพพาน ที่เป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิด ไม่ดับ แต่มีจริง พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เท่านั้นที่ประจักษ์แจ้งพระนิพพานได้ และ ท่านเหล่านั้นก็รู้ได้ด้วยตนเองว่าท่านได้ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณครับ
ขอบพระคุณ และขอกราบอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ