บทว่า โลกสนฺนิวาโส (โลกสันนิวาส) ได้แก่ เบญจขันธ์ (ขันธ์ ๕) ชื่อว่า โลก ด้วยอรรถว่าสลายไป ชื่อว่า สันนิวาส เพราะเป็นที่อาศัยของสัตว์ท้ังหลายด้วยอำนาจตัณหาและทิฏฐิ ที่อาศัย คือโลกนั่นแหละ ชื่อว่า โลกสันนิวาส. แม้หมู่สัตว์ก็ชื่อว่า โลกสันนิวาส เพราะเป็นที่อาศัยของสัตว์โลก ที่เรียกกันว่า สัตว เพราะอาศัยขันธสันดานอันเป็นทุกข์ แม้โลกสันนิวาสนั้นก็เป็นไปกับด้วยขันธ์เหมือนกัน
จาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ หน้าที่ ๑๑๐๕-๖ (เล่มที่ ๖๘) (ได้รับความเอื้อเฟื้อจากคุณคำปั่น ขออนุโมทนาค่ะ)
อสรณีภูโต - โลกสันนิวาสไม่เป็นที่พึ่งของใครอวิชฺชนฺธการาวรโณ - โลกสันนิวาสมีความมืดตื้อ คืออวิชชาปิดกั้นไว้ชื่อว่าความมืดตื้อคือ อวิชชา เพราะอวิชชานั่นแหละทำดุจความมืดด้วยปกปิดความเห็นสภาวธรรม อวิชชานั้นนั่นแหละชื่อว่า ความมืดตื้อคือ อวิชชา ปิดกั้นไว้เพราะมีเครื่องปกปิดด้วยห้ามการหยั่งลงสู่สภาวธรรมสสลฺโล - โลกสันนิวาสมีลูกศร คือเป็นไปกับด้วยลูกศรมีราคะเป็นต้น ที่ชื่อว่าลูกศร เพราะให้เกิดความบีบคั้น เพราะเจาะเข้าไปในภายใน และเพราะนำออกยาก. อญฺญตฺร มยา คือ เว้นเรา. สาวกเหล่าใดของพระผู้มีพระภาคเจ้าถอนลูกศรได้ เพราะสาวกเหล่านั้นถอนได้ตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเอง จึงชื่อว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้นถอนได้.
ผู้ที่มีปัญญาเห็นโทษของโลกสันนิวาสจึงออกบวช เช่น ท่านรัฐปาละ กล่าวว่า โลกอันชรานำไป ไม่ยั่งยืน โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่เป็นใหญ๋เฉพาะตน โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป โลกบกพร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา
ขันธ์๕ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่า ว่างเปล่าจากอะไร ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน สภาพธรรมที่เกิดดับ เป็นขันธ์ มีจริงๆ เห็นมีจริง ได้ยินมีจริง ...ฯลฯ กุศลจิตมีจริง อกุศลจิตมีจริง ทั้งหมดจึงควรที่จะศึกษา พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ไม่ว่าจะใช้พยัญชนะใดก็ตาม ก็เพื่อส่องถึงอรรถของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เพื่อให้พุทธบริษัทเกิดปัญญา มีความเข้าใจในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ไม่หลงเข้าใจผิดไปยึดถือสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด ครับ
ขออนุโมทนาทุกๆ ท่านค่ะ
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
หากพระพุทธองค์มิได้ทรงตรัสรู้ และมีพระมหากรุณาคุณแสดงธรรมที่ได้ตรัสรู้นั้นไว้เพื่อสัตว์โลกทั้งหลาย พวกเราคงไม่มีวันได้รู้ว่า ได้ยึดเอาโลกสันนิวาส ยึดมั่นในขันธ์ทั้งห้าเป็นเกาะมาเนิ่นนานเพียงใดในสังสารวัฏฏ์
ขออนุโมทนาคุณ orawan.c
และผู้ที่ให้ความรู้ความเข้าใจในคาถาบทนี้เพิ่มเติมทุกท่านค่ะ
หากไม่มีขันธ์ ๕ (โลกสันนิวาส) ก็จะไม่มี ตัณหาและทิฏฐิ (โลกสันนิวาส) ให้อาศัยเกิดขึ้นได้เลย แต่เมื่อมีขันธ์ ๕ คือสภาพธรรมที่มีจริงคือ จิต เจตสิก รูปที่ประชุมรวมกัน เพราะความไม่รู้ จึงยึดถือ ขันธ์ 5 (โลกสันนิวาส) ว่าเป็นเราด้วยตัณหา มีความพอใจติดข้องในขันธ์ ๕ ในสภาพธรรมที่ปรากฏ สัตว์โลก (โลกสันนิวาสอีกความหมายหนึ่ง) จึงเดือดร้อนเพราะความติดข้องในขันธ์ ๕ (โลกสันนิวาส) และยังเห็นผิดว่ามีสัตว์ บุคคลตัวตนจริงๆ ด้วยทิฏฐิ ความเห็นผิดว่ามีเรามีสัตว์ บุคคลตัวตน หมู่สัตว์ (โลกสันนิวาส) จึงต้องเดือดร้อนเพราะความเห็นผิดนั้น และไม่พ้นไปจากสังสารวัฏฏ์และต้องเกิดในโลกที่อาศัยอยู่ (โลกสันนิวาสอีกความหมายหนึ่ง)
โลกสันนิวาส (หมู่สัตว์) ยกพลแล้วคือ เดินทางผิด
โลกสันนิวาส (หมู่สัตว์) ถูกลูกศรคือ กิเลสเสียบไว้
โลกสันนิวาส (หมู่สัตว์) ถูกอวิชชากางกั้นไว้ไม่ให้รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มี ในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
โลกสันนิวาส (หมู่สัตว์) ถูกขังไว้ในกรงกิเลส
โลกสันนิวาส (หมู่สัตว์) ตกอยู่ในอวิชชาเป็นดุจคนตาบอด เพราะมีตาก็เหมือน ไม่มีตาเพราะไม่รู้ความจริง
โลกสันนิวาส (หมู่สัตว์) ถูกตัณหาครอบคลุมไว้ ย่อมเดือดร้อนเพราะตัณหา เมื่อหวังย่อมทุกข์เพราะหวัง
โลกสันนิวาส (หมู่สัตว์) ถูกข่ายคือ ทิฏฐิคลุมไว้ ย่อมเดือดร้อนเพราะความเห็นผิด และถูกคลุมด้วยความเห็นผิดที่ยึดถือว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคล
จาก [เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓- หน้าที่ ๒๓๙
สาธุ
โลกสันนิวาสจะมีได้ก็ต้องมี อุปทาน ๔ ถ่าไม่มีอุปทาน ๔ โลกสันนิวาสจะมีได้หรือการยืดมั่นถือมั่นก็น่ากลัว.
โลกสันนิวาส มีความแปรปรวนตั้งเที่ยงอยู่เช่นนั้น
แต่จิตของเรารักษาไว้ให้ดีอย่าให้ติด ถ้าไม่ติดก็ได้ชื่อว่าเป็นสุข
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ