หนูมาฟังธรรมที่บ้านธรรมะวันเสาร์ที่ ๑๕ เม.ย. บ้านธัมมะบอกว่า การดื่มสุราไม่จัดเป็นกรรม แต่เป็นกิเลส เพราะไม่จัดอยู่ในอกุศลกรรมบถ ๑๐ หนูสงสัยว่า การดื่มสุรา ไม่ใช่อกุศลกรรม เหรอคะ จากในพระสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย วิบากแห่งการดื่มสุราและเมรัยอย่างเบาที่สุด ย่อมยังความเป็นบ้าให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ฯ
ในวันเสาร์ที่ผ่านมาท่านอาจารย์มุ่งอธิบายกรรมกิเลส และอกุศลกรรมบถ ๑๐ ในกรรมกิเลสมี ๔ ประการ คือ ฆ่าสัตว์ ๑ ลักทรัพย์ ๑ ผิดกาเมฯ ๑ มุสาวาท ๑ ในอกุศลกรรมบถมี ๑๐ คือ
ทางกาย ๓ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ กาเมฯ
ทางวาจา ๔ พูดโกหก ส่อเสียด คำหยาบ เพ้อเจ้อ
ทางใจ ๓ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ รวมเป็น ๑๐ ไม่มี ข้อสุราเมรัย
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
กรรมกิเลส ๔ [สิงคาลกสูตร]
จากสิงคาลกสูตร การดื่มน้ำเมา ไม่จัดเป็นกรรมกิเลส แต่จะจัดเป็นอกุศลกรรมหรือไม่ กรุณาช่วยอธิบาย
To my understanding, drinking is only akusala citta until one begins to do harm to others verbally or physically, then it becomes kamma. Refrain from drinking is one of the five precepts because when one gets intoxicated, one can commit all kind of sins : killing, stealing, having an affair or lying.
การดื่มสุราไม่จัดในอกุศลกรรมบถ แต่โดยนัยศีล ๕ การดื่มสุราผิดศีลข้อที่ ๕ และในสัพพลหุสสูตร อังคุตตรนิกาย กล่าวว่า การดื่มสุราเมรัยทำให้เกิดในอบาย ได้ก็แสดงว่า เป็นอกุศลกรรมจึงนำเกิดในอบาย และวิบากอย่างเบาให้เกิดเป็นคนบ้า
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 496
ข้อความบางตอนจาก...
๑๐. สัพพลหุสสูตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำไห้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย วิบากแห่งการดื่มสุราและเมรัยอย่างเบาที่สุด ย่อมยังความเป็นบ้าให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิด เป็นมนุษย์
จบ สัพพลหุสสูตรที่ ๑๐
พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๕
อนึ่ง การเสพสุราเมรัย ไม่ได้จัดเป็นอกุสลกรรมบถอีกข้อหนึ่งโดยเฉพาะ แต่สงเคราะห์เข้าในกาเมสุมิจฉาจาร เพราะเป็นความประพฤติผิดในกามคุณ คือ รสารมณ์เหมือนกัน
องค์ของสุรา มี ๔
๑. มทนียํ = เป็นน้ำเมา
๒. ปาตุกมฺมยตาจิตฺตํ = มีเจตนาจะดื่ม
๓. ตชฺชญฺจ วายามํ = กระทำการดื่ม
๔. ปิตญฺจ ปวิสติ = น้ำเมานั้น ล่วงลำคอลงไป
อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 220 ฯลฯ
เจตนาคิดจะล่วงฐานะที่ไม่ควรถึง ด้วยอำนาจการเสพอสัทธรรม ซึ่งเป็นไปทางกายทวาร ชื่อว่ากาเมสุมิจฉาจารฯ อาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า "แม้การดื่มสุรา ท่านก็สงเคราะห์เข้าในบทว่า กาเมสุมิจฉาจารนี้เหมือนกัน" เพราะเป็นการประพฤติผิดในกาม กล่าวคือรสฯ
ถ้าเป็นดังกล่าวข้างต้น เจ้าของโรงงานผลิต ผู้ขาย (ซาปั๊ว ยี่ปั๊ว) ผู้ส่งเสริมการขาย (พรีเซนเตอร์) ของสุราเมรัย ก็คงจะบาปเช่นเดียวกันใช่ไหมคะ
ขออนุโมทนา
การผลิตและจำหน่ายสุราเป็นอาชีพที่อุบาสกอุบาสิกาไม่ควรทำ
อนุโมทนาค่ะ บ้านธรรมะ _/|_
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ