สนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ
วันที่ 17 มิถุนายน 2550
ถอดเทป โดย
คุณย่าสงวน สุจริตกุล
คุณศิ คิดว่าตอบตามความเป็นจริงว่าอยากมาฟังธรรม ไม่ทราบว่าจะใช้คำอื่นได้อย่างไร
อาจารย์ ไม่ต้องใช้คำอื่น เพราะว่าจริง คือต้องตรงนะคะ อยากมีแน่นอนไม่ใช่ชื่อคนโน้น คนนี้เลยนะคะ ลักษณะที่อยาก เป็นสภาพธรรมที่เป็นกุศลหรืออกุศล นี่คือความตรงต่อลักษณะของสภาพธรรม
คุณศิ คิดว่าถ้าเราอยากในสิ่งที่ดี ก็น่าจะเป็นกุศล
อาจารย์ เฉพาะอยาก ดีหรือไม่ดีคะ ความติดข้อง ความต้องการสิ่งหนึ่ง สิ่งใดก็ได้ สภาพที่ติดข้อง ดีหรือไม่ดี
คุณศิ ไม่ดีค่ะ
อาจารย์ ไม่ดี แต่เป็นโทษ หรือไม่เป็นโทษ อีกเรื่องหนึ่ง ความอยากที่เป็นโทษ มีอยากในทางทุจริต ความอยากที่ไม่เป็นโทษ ก็มีหลายระดับ เช่นวันนี้อยากจะทำอะไรบ้าง ตื่นมาไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้ใครเลย เป็นโลภะ เป็นอภิชฌาหรือเปล่า ก็ต้องเป็น แต่เราอยากจะเปลี่ยนเป็นอยากอย่างนี้ดี ได้ไหมคะ ไม่ได้ค่ะ เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี แต่ไม่เป็นโทษ แล้วถ้าสิ่งที่มีคือ ความอยากที่ไม่เป็นโทษ อยากฟังธรรมก็มีหลายระดับอีก อยากฟังแต่ไม่ฟังมีไหมคะ
คุณศิ ไม่น่าจะมี ก็อยากฟัง แล้วทำไมไม่ฟัง
อาจารย์ ก็หลายคนนะคะที่อยากฟัง แต่ไม่ฟัง มีไหมคะ มีหรือไม่มีคะ อยากทำแต่ไม่ทำ อยากไปแต่ไม่ไป
คุณศิ มีค่ะ
อาจารย์ ถ้าความอยากนั้น ทำให้ปัญญาถึงความมั่นคง ความอยากนั้นไม่เป็นโทษเลย แต่ความอยากก็ยังคงเป็นความอยาก จะเปลี่ยนความอยากให้เป็นกุศลไม่ได้
เพราะดิฉันเห็นโทษภัยของความไม่รู้ โดยเฉพาะความเห็นผิด การห่างเหินที่จะฟังธรรมมากเท่าใดยิ่งสะสมความไม่รู้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น การฟังเป็นการสะสมปัจจัย ฟังแล้วก็พิจารณาในสิ่งที่ได้ฟังให้เข้าใจว่าเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยแล้วดับอย่างรวดเร็ว มีสภาพธรรมอื่นเกิดสืบต่อทันที ดิฉันเข้าใจถูกไหมคะ
ขออนุโมทนากับคุณฉัตรชัยค่ะ
ขออนุโมทนาในความเห็นถูกครับ
ในเบื้องต้นค่อยๆ เข้าใจและรู้ลักษณะของสภาพธรรมแต่ละอย่าง โดยความเป็นธรรมะอย่างหนึ่ง.. สำหรับความเกิดดับปัญญาในเบื้องต้นยังไม่สามารถรู้ได้
ความอยากที่ไม่เป็นโทษมี แต่ความอยากที่เป็นกุศลไม่มี
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนากับกุศลจิตทุกท่านค่ะ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ