มีการบริการอวัยวะ หรือดวงตา ที่สภากาชาดไทย แต่มีบางคนให้ข้อคิดว่าไม่ควรบริจาคโดยให้เหตุผลต่างๆ นาๆ เช่นเกิดชาติหน้าไม่มีดวงตา ตาจะบอด ก็เลยอยากทราบความคิดเห็นในทางธรรมะค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ต้องอาศัยการฟัง การศึกษา พิจารณาในเหตุในผลของธรรม สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นผู้มีความมั่นคงในความเป็นจริง แม้แต่ในประเด็นคำถาม ต้องเข้าใจว่า เหตุดี คือ กุศลกรรม ย่อมให้ผลที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ แต่ถ้าเป็นเหตุที่ไม่ดี กล่าวคือ เป็นอกุศลกรรม มีการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่น เป็นต้น ย่อมให้ผลที่ไม่ดี อย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ ที่เหตุดี จะให้ผลที่ไม่ดี และ เป็นไปไม่ได้ ที่เหตุไม่ดี จะให้ผลที่ดี เหตุย่อมสมควรแก่ผลจริงๆ และประการที่สำคัญ ความดี เป็นสิ่งที่ควรสะสม ควรเจริญในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าเป็นอกุศล แล้ว ควรหลีกออกห่างให้ไกลที่สุด การที่มีเจตนาบริจาคอวัยวะ ร่างกาย รวมถึง ดวงตา ให้แก่สภากาชาดไทย เป็นกุศลเจตนาที่เกิดขึ้นในขณะที่ยังมีชีิวิตอยู่ ซึ่งเมื่อเราสิ้นชีวิตไปแล้ว สิ่งที่บริจาคไป ทางโรงพยาบาลได้รับและนำไปใช้ประโยชน์ได้ ใช้ในการศึกษาสำหรับนักศึกษาแพทย์ ย่อมเป็นประโยชน์ กุศลเจตนาที่บริจาค เป็นกุศลกรรม เป็นความดี เมื่อถึงเวลาที่ความดี นี้ให้ผล ก็ย่อมให้วิบากที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ เท่านั้น เป็นไปไม่ได้ ที่บริจาคดวงตาไปแล้ว จะทำให้เกิดมาเป็นคนตาบอด ไ่ม่มีดวงตา เพราะการที่จะเป็นคนตาบอด ต้องเป็นผลของอกุศลกรรมเท่านั้น เจตนาที่เป็นเครื่องประทุษร้ายดวงตาของผู้อื่นให้พินาศแตกทำลาย จึงเป็นเหตุให้ตนเอง เกิดตาบอดขึ้นได้ ดังอดีตกรรมของท่านพระจักขุบาล ในอดีตท่านเกิดเป็นหมอ รักษาดวงตาข้างหนึ่งให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งถ้ารักษาหาย ผู้หญิงคนนี้กับด้วยลูกๆ จะเป็นทาสรับใช้ของหมอ แต่พอรักษาหายแล้ว ผู้หญิงคนนี้ประสงค์จะหลอกหมอ ไม่ยอมเป็นทาสรับใช้ ด้วยการกล่าวว่า แต่ก่อนดวงตา ดวงนี้ ยังสามารถมองเห็นได้ แต่พอได้รับการรักษา กลับมืดสนิท ซึ่งหมอก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ประสงค์จะหลอกตนเอง ก็เลยกลับไปเรือนประกอบยา เพื่อทำให้ผู้หญิงคนนี้ตาบอด และในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็ตาบอดขึ้น ด้วยกรรมที่ท่านได้กระทำแล้ว แม้ในชาติสุดท้ายจะได้ออกบวช และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ กรรมที่ได้กระทำแล้ว ยังไม่ลืมที่จะให้ผล ทำให้ท่านตาบอด ซึ่งการที่ท่านเป็นคนตาบอด เพราะอกุศลกรรมที่ท่านได้กระทำแล้วในอดีตถึงคราวให้ผล นั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่า เจตนาที่เบียดเบียนผู้อื่น นั่นแหละ ที่จะเบียดเบียนตนเอง เนื่องจากเป็นอกุศลกรรม เป็นอกุศลเจตนาของตนเอง เมื่อสำเร็จไปแล้ว ถึงคราวที่จะให้ผล ก็ให้ผลเกิดขึ้นกับตนเอง เีบียดเบียนตนเอง เท่านั้น ครับ
สำหรับประเด็นเรื่องการบริจาคร่างกาย สามารถคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ
การบริจาคอวัยวะและร่างกาย ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
แม้ในอดีต พระเจ้าสีวิราชได้ทรงกระทำมหาบริจาคแก่พราหมณ์วณิพกผู้มาขอดวงตา เมื่อสีวิกแพทย์ได้อบดอกอุบลเขียวด้วยตัวยาแล้วถวายให้ทรงถูพระเนตรทั้งสองข้าง ทุกขเวทนากล้าบังเกิดขึ้น ดวงพระเนตรหมุนหลุดออกจากเบ้า ลงมาห้อยอยู่ด้วยเส้นเอ็น พระโลหิตไหลเปื้อนพระภูษา มหาบริจาคเห็นปานนี้ชื่อ โบราณมรรค อันพระมหาสัตว์ทั้งหลายผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ได้กระทำเป็นประเพณี
เพราะความดีอันทำได้แสนยากนี้ จึงเป็นปัจจัยแก่การได้มหาปุริสลักษณะคือดวงพระเนตรอันประกอบด้วยอนุพยัญชนะงดงามยิ่ง และสมันตจักษุคือพระสัพพัญญุตญาณอันยอดเยี่ยม
แม้ผู้ที่ได้บริจาคดวงตา พึงโสมนัสยินดีในการถ่ายถอนความยึดมั่นในรูป อันจะเป็นเหตุให้ถึงความดับรอบแห่งจักษุในที่สุด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
เรียนถามความเห็นที่ 1
อยากทราบว่า ผู้หญิงที่หลอก ท่านพระจักขุบาลในชาติที่เป็นหมอ
ถือว่ากระทำผิดหรือไม่อย่างไร
เรียนความเห็นที่ ๑๐
การกระทำของผู้หญิงคนนั้น นับว่าเป็นการไม่รักษาคำพูด ไม่มีสัจจะ หลอกลวงว่า
ตนเองยังไม่สามารถมองเห็นได้..
ดิฉันก็เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ได้บริจาคอวัยวะทั้งหมดของร่างกายให้กับสภากาชาดไทย
ก็ในเมื่อเกิดมาก็ต้องตายและเกิดมาใหม่ซึ่งเราก็ไม่รู้่่ว่าเราจะต้องเกิดมาเป็นอะไรในรูปร่าง
แบบไหนก็คงจะไปคาดหวังไม่ได้ว่าเกิดมารูปร่างหน้าตายังไง ดังนั้นในชาตินี้ในร่างกาย
ของเรามีประโยชน์ต่อผู้อื่นก็ให้เขาไปเถอะเมื่อเขาได้อวัยวะของเราไปแล้วเขามีคุณภาพ
ชีวิตที่ดีขึ้นนะคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เรียน ความคิดเห็นที่ ๑๐ เพิ่มเติม ครับ แต่ละคน เป็นแต่ละหนึ่งจริงๆ ความประพฤติก็เป็นไปตามการสะสม ถ้าผู้หญิงคนนี้ เห็นโทษของอกุศล ย่อมจะไม่หลอกลวงหมออย่างแน่นอน แต่เพราะกำลังของอกุศลที่มีมาก จึงเป็นเหตุให้กล่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งในขณะที่กล่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงว่าดวงตาของตนเองไม่หาย ทั้งๆ ที่หายแล้ว นั้น เป็นมุสา-วาท ผิดศีลข้อที่ ๓ สามารถให้ผลนำเกิดในอบายภูมิได้ ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ถ้ากระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็ผิด ด้วยกันทั้งนั้น เพราะอกุศล จะถูกต้องไม่ได้เลย สิ่งที่ถูกต้อง จะต้องเป็นธรรมฝ่ายดี คือ กุศลธรรมเท่านั้น ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ อนุโมทนา จากใจ k.tookta
การทำดี ทำให้เป็นปกติ
เพราะเห็นแล้วว่านั้น เป็นสิ่งดี .. ก็พอ
ผลมันจะออกมาดีหรือไม่
ทำแล้วใครจะเห็นหรือไม่
..ก็ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด..