ภัยคุกคามต่อพระพุทธศาสนาและความมั่นคงของชาติ
โดย khampan.a  5 พ.ย. 2559
หัวข้อหมายเลข 28335

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัย จะไม่สามารถมีความรู้อะไรเลย แม้คำว่า ภิกษุ ก็ไม่รู้ว่า คือใคร ซึ่งลึกซึ้งมาก คือ เป็นผู้ที่เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ ภัยคือการมีชีวิตอยู่ที่เต็มไปด้วยกิเลส เพราะฉะนั้น บุคคลในสมัยพุทธกาล เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้วเห็นประโยชน์ของการขัดเกลากิเลสเพราะท่านสะสมมาที่จะเห็นโทษของอกุศล และมีปัญญารู้ว่า กุศลย่อมดีกว่าอกุศลและรู้ว่าปัญญาเท่านั้นที่จะดับอกุศลได้ เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว ผู้ที่จะอุปสมบท (บวช) เป็นพระภิกษุ ย่อมเป็นผู้ที่จริงใจที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตซึ่งสูงกว่าเพศคฤหัสถ์เพราะว่าก่อนจะบวชก็มีกิเลส คฤหัสถ์ก็มีกิเลส และคนที่จะบวชก็จะต้องเห็นโทษกิเลสเป็นสิ่งที่ละยากในเพศคฤหัสถ์ และสะสมอัธยาศัยใหญ่ที่จะสละ ละทุกอย่างที่เคยติดข้อง สละหมดไม่เหลือเลยทั้งครอบครัว วงศาคณาญาติ ทรัพย์สมบัติ ไม่ผูกพันไม่ติดข้องในสิ่งเหล่านั้น เพื่อเข้าใกล้ความสงบจากกิเลส นี้คือจุดประสงค์ของการเป็นพระภิกษุ ไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์อื่นใดทั้งสิ้น และที่สำคัญ พระภิกษุทุกรูปในสมัยพุทธกาล ทั้งหมดและทุกยุคทุกสมัยด้วย ต้องเคารพในพระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ ซึ่งจะต้องศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจ น้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้อง ละเว้นในสิ่งที่ผิดที่ขัดต่อความประพฤติเป็นไปของพระภิกษุอันเป็นเพศที่สูงยิ่ง ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่จะทำให้เกิดอกุศลพอกพูนมากยิ่งขึ้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง สิ่งนั้นพระภิกษุ ทำไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น การรับเงินรับทอง การมีเงินมีทอง พระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ รับเงินและทองไม่ได้ เป็นผู้ปราศจากเงินและทองอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านเหล่านั้น ต้องสละทรัพย์สินเงินทองก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว จึงรับเงินและทองไม่ได้ เงินทองไม่ควรแก่พระภิกษุโดยประการทั้งปวง ไม่มีพระพุทธดำรัสแม้แต่คำเดียวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้พระภิกษุรับเงินและทองหรือไปแสวงหาเงินและทอง ตามข้อความจากพระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค มณิจูฬกสูตร ว่า “ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน, เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดีพึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย”

พระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ไม่รับเงินและทอง ไม่มีเงินและทอง มีเพียงบริขารเครื่องใช้อันเหมาะควรแก่บรรพชิตและอาศัยปัจจัย ๔ ในการดำรงชีวิตเพื่อให้ชีวิตเป็นไปได้ในการที่จะศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลส เท่านั้น ได้แก่ อาหารบิณฑบาตที่มาจากศรัทธาของชาวบ้าน จีวรเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรคเมื่อเกิดอาพาธ (เจ็บป่วย)
พระภิกษุรูปใด รับเงินและทอง ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตย์ สิกขาบทที่ ๘ แห่งโกสิยวรรค ว่า “อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์” ต้องสละเงินนั้นในท่ามกลางสงฆ์ จึงจะแสดงอาบัติ (ปลงอาบัติ) ได้ และทำให้เป็นผู้พ้นจากโทษนั้นได้ แต่ถ้าภิกษุรูปใด มีเงินและทอง รับเงินและทอง ยินดีในเงินและทองแม้ที่เขาเก็บไว้ให้เพื่อตน ไม่เห็นโทษของการล่วงละเมิดพระวินัย ภิกษุนั้น ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ แต่เป็นผู้ไม่มีความละอาย ไม่มีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัย เป็นมหาโจรหลอกลวงชาวบ้าน เป็นผู้ประพฤติไม่ประเสริฐ เป็นผู้มีความประพฤติต่ำทราม เป็นผู้เน่าใน เป็นผู้ดังหยากเยื่อ เป็นภิกษุบาป เป็นสมณะชั่ว เป็นพรหมจารีปลอม อันเป็นการแสดงถึงความเป็นผู้ไม่รักษาพระวินัย ล่วงพระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติ ซึ่งเป็นโทษกับตนเองโดยส่วนเดียว

บุคคลผู้ที่ถวายเงินแก่พระภิกษุ ก็เพราะไม่รู้ว่า พระภิกษุ คือ ใคร ถ้ารู้แล้ว จะไม่ถวาย เพราะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ถ้ามีการถวายแก่พระภิกษุ ก็เป็นการทำลายพระภิกษุ และ ทำลายพระพุทธศาสนาด้วย รวมถึงทำลายเศรษฐกิจสังคมประเทศชาติด้วย เงินทองมากมายเสียไปกับสิ่งที่ไม่ประโยชน์และยังทำให้ความเห็นผิด ความไม่รู้ ความติดข้อง ของผู้อื่น มากขึ้น คนชั่วมากขึ้น ไม่มีความเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง แล้วประเทศชาติจะมั่นคงได้อย่างไร ความไม่รู้พระธรรมวินัย นี้เอง ที่เป็นภัยคุกคามต่อพระพุทธศาสนาและต่อความมั่นคงของประเทศชาติ

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะร่วมกันทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตามพระธรรมวินัย อาจหาญร่าเริงที่จะละทิ้งในสิ่งที่ผิด แล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูก พร้อมทั้งประกาศคำจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นจะได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกด้วย, ช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูกของแต่ละบุคคล ครับ
ขอเชิญคลิกชมยูทูปในประเด็นดังกล่าวได้ที่ด้านล่างนี้ครับ

บ้านธัมมะ ๑๐๖ _ ภัยคุกคามต่อพระพุทธศาสนาและความมั่นคงของชาติ
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย ผู้มีความประมาท  วันที่ 6 พ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย Guest  วันที่ 7 พ.ย. 2559

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 7 พ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 7 พ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย วิริยะ  วันที่ 12 พ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ