ข้อความบางส่วนจากการสนทนาธรรมที่เชียงใหม่ ๓ ก.พ. ๒๕๕๙
# พระธรรมแต่ละคำ สำหรับละ ละความไม่รู้ ไม่รู้จึงติดข้องในสิ่งที่มีจริงเพียงชั่วคราวแล้วหมดไป ฟังเพื่อเข้าใจจริงๆ แต่ละคำอย่างรอบรู้ แจ่มแจ้ง ควรได้ฟังสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสะสมความตรง ความเข้าใจ ความมั่นคงต่อไป
# โอกาสที่จะได้ฟังธรรม ไม่มากและไม่นาน หาได้ยากและมีค่ามาก อย่าได้ละโอกาสนั้นไป
# สามารถเข้าใจความจริงได้ทุกขณะ ถ้ามีปัญญา
# ธรรมพิสูจน์ได้ด้วยความเห็นถูกเข้าใจถูก ผู้ตรงจะได้สาระจากพระธรรม เพราะเข้าใจถูก เพราะธรรมตรงไปตรงมา
# ไม่มีเรา เป็นธรรม เป็นอนัตตา เป็นธาตุแต่ละหนึ่ง มีสภาวะของตนๆ ธาตุเห็น ธาตุได้ยิน ธาตุร้อน ธาตุแข็ง ธาตุอิสสา เป็นแต่ละธาตุซึ่งอาศัยกันและกันเกิด ไม่มีเรา แต่ยึดถือว่าเป็นเราเพราะไม่รู้ เกิดมาด้วยความไม่รู้ และทำดีทำชั่วตามการสะสม เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
# ฟังธรรมไม่พอ ต้องไตร่ตรองด้วย อะไรไตร่ตรอง ปัญญาไตร่ตรอง ไม่ใช่เรา เป็นจิตและเจตสิกต่างหาก เป็นปัญญาของผู้นั้นเองที่จะรู้ หรือเป็นตัวตนที่จะจดจ้อง
# ขณะฟังธรรมและเข้าใจ ขณะนั้นไตร่ตรอง แต่ไตร่ตรองถูกหรือผิด ถ้าไตร่ตรองผิดเข้าใจผิด ก็เป็นอกุศลวิตก อกุศลเจตสิกกำลังไตร่ตรอง ถ้าไตร่ตรองถูก ก็เป็นกุศลวิตก ฟังและเข้าใจถูก ปัญญาที่เกิดกับจิตขณะนั้น เป็นปัญญาขั้นการฟัง
# พิจารณาไตร่ตรองตามพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง ไม่ใช่คิดเอง
# ฟังธรรมแล้วเข้าใจ เห็นประโยชน์ของกุศล เห็นโทษของอกุศล จึงสละอกุศล เพราะขณะใดที่กุศลไม่เกิด ขณะนั้นเป็นอกุศล
# การบูชาสูงสุดที่ถูกต้อง คือ การได้ศึกษาพระธรรมคำสอนและมีความเข้าใจถูกเห็นถูก
# ทุกอย่างเป็นธรรมะ แต่ลืมเสมอ เป็นเราเป็นเขาไปหมดทุกเรื่อง ฟังบ่อยๆ จนปัญญาเข้าใจขึ้นว่าทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
# อ.อรรณพ : ประโยชน์ที่รู้ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา คืออะไร
ท่านอ. : ไม่ใช่เราแล้วมีอะไร มีกุศล มีอกุศล เข้าใจถูกว่ากุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศลและไม่ใช่เรา เป็นธรรมะ ไม่เข้าใจผิดว่าอกุศลเป็นกุศล และเพลินไปในอกุศล และตกลงไปในอบาย
# แค่ฟังยังไม่ดับสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน ต้องมีความเข้าใจลักษณะสภาพธรรมแต่ละหนึ่ง ไม่ใช่เรา เข้าใจว่าแข็งเป็นธรรมะแน่นอน
# เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราตั้งแต่แรก
แค่ตั้งใจว่าจะพยายามให้ไม่มีเรา ก็ติดบ่วงของโลภะแล้ว แต่ความเข้าใจขั้นฟังก็ละความไม่รู้ในขั้นการฟัง รู้แล้วละความติดข้อง ไม่ใช่คิดหาทางละ ติดบ่วงของโลภะ แล้วจะละความเป็นเราได้อย่างไร
# หาวิธีรู้ว่าเห็นเป็นธรรมะ ก็ติดบ่วงของโลภะแล้ว หาวิธีจะละด้วยความเป็นตัวตน
# "ผมพยายามแตะโต๊ะให้รู้แข็ง" เข้าใจผิด ไม่รู้จักสติ ปฏิบัติผิด เป็นเราตลอดมานานแสนนาน เป็นเราแตะเพื่อให้สติเกิด "เพ้อถึงธรรมะ เพ้อถึงสติ" ไหนเป็นเรา มีแค่ธรรมเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นอนัตตา
# ขณะนี้กำลังฟังเข้าใจ เป็นอนัตตา เป็นธรรมฝ่ายดี จิตแท้ๆ บริสุทธิ์ผ่องใสประกอบด้วยเจตสิกฝ่ายดี สิ่งที่ไม่รู้ สติสัมปชัญญะเกิดจึงค่อยๆ รู้ ปัญญาเกิดจึงเข้าใจถูกว่าไม่ใช่เรา เป็นสภาพธรรมเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
# ปัญญาไม่หวั่นไหว รู้เฉพาะสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่กังวลถึงสิ่งที่ล่วงแล้วและไม่คำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด พระธรรมทั้งหมดกล่าวถึงเฉพาะสิ่งที่กำลังมี
# ขณะที่หลับสนิท โลภะเกิดหรือเปล่า ขณะหลับสนิทอกุศลไม่เกิด แต่สะสมอยู่ในจิต พร้อมที่จะเกิดเมื่อมีเหตุปัจจัย ขณะนั้นเป็นกุศล เพราะเป็นผลของกุศลจึงหลับสนิท
อนุโมทนาในคุณความดีและกราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะครับ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะ ด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนา ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ