มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่งกล่าวว่า ในชีวิตประจำวันมีเหตุให้อกุศลจิตท่านเกิดมากมาย เหลือเกินทำให้ท่านได้กระทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ควร จึงอยากให้ท่านอาจารย์สุจินต์ช่วยแนะนำท่านว่า ท่านควรทำอย่างไร เพื่ออย่าให้การกระทำที่ไม่ดีเกิดขึ้น ท่านอาจารย์ กล่าวว่าแนะนำแล้วทำตามได้จริงหรือเปล่า ไม่มีคำแนะนำมีแต่จะให้ความเข้าใจให้เข้าใจให้ถูกต้องตามความเป็นจริง แนะนำไม่มีประโยชน์เท่ากับให้เข้าใจ แนะนำแล้วทำตามได้หรือไม่ ก็คือการแนะนำเท่านั้นเอง แต่ถ้าให้ความเข้าใจก็จะเป็นปัญญาของคนนั้นเอง จึงควรฟังพระธรรมให้เข้าใจ ถ้ายังไม่เข้าใจชัดก็ถามกันให้เข้าใจเพิ่มขึ้นช้าๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย เพราะเราจะเข้าใจทุกอย่างให้รวดเร็วเป็นไปไม่ได้ สภาพธรรมเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของผู้ใดได้ จึงควรอบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริงว่าเป็นเพียงธรรม ไม่ใช่เรา
ขออนุโมทนาครับ
ท่านอาจารย์
กล่าวว่า ...แนะนำแล้วทำตามได้จริงหรือเปล่า...
...จึงควรฟังพระธรรมให้เข้าใจ...
ขออนุโมทนาครับ
ให้เข้าใจว่าธรรมะเป็นของธรรมดาซึ่งกำลังปรากฏขณะนี้ เช่น มีเย็น มีร้อน มีอ่อน มี แข็ง ถ้าสติเกิดก็ระลึกตรงลักษณะของเย็น ร้อน ฯลฯ ซึ่งต่างจากขณะที่สติไม่ระลึกค่ะ
เมื่อใดที่ขอคำแนะนำ แสดงว่าลืมว่าทุกอย่างเป็นธรรมะและเป็นอนัตตา มีแต่ฟังให้ เข้าใจแล้วสังขารขันธ์จะปรุงแต่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่มีตัวเราต่างหากที่ จะไปทำอะไร (มีแต่ความประพฤติเป็นไปของขันธ์จริงๆ)
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ปัญญาไม่เหมือนกบกระโดด เป็นสิ่งที่เติบโตช้า และที่สำคัญต้องเป็นไปตามลำดับขั้น อกุศลสะสมมามากมีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น หาวิธีไม่ใช่ทาง แต่ค่อยๆ เข้าใจถูกจากขั้น การฟังว่าเป็นธรรมและเป็นอนัตตาและไม่สามารถบังคับสภาพธรรมอะไรได้เลย นี่เป็นเบื้องต้น เป็นการอบรมปัญญาและหนทางที่ถูกต้องค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นธรรมและต้องไม่ ลืมว่าปัญญาขั้นการฟังทำอะไรกิเลสไมได้ เพียงค่อยๆ ละความไม่รู้ในขั้นการฟังเพื่อ เป็นปัจจัยปรุงแต่งจนสติเกิด แม้อกุศลเกิดขึ้นก็รู้ว่าเป็นธรรม ปัญญาต้องเป็นไปตามลำดับ รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราก่อนครับ ดังนั้นจึงไม่ใข่แนะนำให้พยายามละอกุศลด้วยความเป็นตัวตน แต่แนะนำให้เข้าใจ เริ่มจากขั้นการฟังว่าให้เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราธรรมทำหน้าที่ มีเหตุเกิด แต่อบรมปัญญาในขณะที่สภาพธรรมเกิดไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใด แม้อกุศลที่เกิดขึ้นครับว่าไม่ใช่เราเป็นสภาพธรรม แม้ขั้นการฟังก็เบาขึ้นเพราะเข้าใจ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ
แนะนำไม่มีประโยชน์เท่ากับให้เข้าใจ จึงควรฟังพระธรรมให้เข้าใจถ้ายังไม่เข้าใจชักก็ถามกัน ให้เข้าใจเพิ่มขึ้นช้าๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย เพราะเราจะเข้าใจทุกอย่างให้รวดเร็วเป็นไปไม่ได้
ประสบการณ์ส่วนตัว ตอนแรกเคยคิดเหมือนกันว่าการฟังเพียงอย่างเดียว จะเข้าใจได้จริงหรือ แต่เมื่อฟังไปไตร่ตรองตามไป โดยยังไม่เอาความคิดตัวเองไปขวางทางไว้ก่อน สังเกตได้ว่า ความคิดความเข้าใจที่เกิดขึ้นในช่วงหลังๆ ต่างกับเมื่อฟังแรกๆ ถึงแม้จะเป็นเพียงความเข้าใจขั้นเรื่องราว และยังเป็นเราก็ตาม และแน่นอนว่า ยังต้องฟังพระธรรมต่อไป การฟังยังไม่เพียงพอ ยังต้องฟังต่ออีกนานเท่านาน
สาธุ
สภาพธรรมเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของผู้ใดได้ จึงควรอบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะสภาพธรรม ตรงตามความเป็นจริงว่าเป็นเพียงธรรม ไม่ใช่เรา
อนุโมทนาค่ะ