-มีบ้างไหมในโลกนี้ที่ผู้หญิงเป็นเจ้าลัทธิ หรือศาสนา? ถ้ามีอะไรบ้าง?
-มีบ้างไหมในอดีตที่ผู้หญิงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า?
-มีบ้างไหมที่ภิกษุณีเป็นพระธรรมกถึกผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง?
-เคยมีไหมที่ผู้หญิงเป็นธรรมกถึกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง?
อนุโมทนาบุญครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-มีบ้างไหมในโลกนี้ที่ผู้หญิ่งเป็นเจ้าลัทธิ หรือศาสนา? ถ้ามีอะไรบ้าง?
* หากลืมความเป็นหญิง และ เป็นชาย สิ่งที่มีจริง คือ จิต เจตสิก รูป ที่สมมติ
เรียกว่าเป็นสัตว์ บุคคล สิ่งต่างๆ เพราะฉะนั้น ลัทธิ ศาสนา มีได้ ก็มีเพราะอาศัย
จิต เจตสิกที่เกิดขึ้น เพราะ ลัทธิ ศาสนา ก็คือ คำสอนที่เกิดจาก จิต เจตสิกที่ปรุง
แต่ง คิดนึกเป็นไปตาม การการสะสม ตามความเข้าใจที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น เมื่อ
พระพุทธศาสนา คือ พระพุทธเจ้า ยังไม่อุบัติขึ้น ก็มี ลัทธิ ศาสนา คำสอนที่ไม่ใช่
สัจจะความจริงเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือ ชายที่สมมติขึ้นก็ต่างมีลัทธิ
ศาสนา ความเชื่อของตนเองได้ทั้งสิ้น ทั้งหญิงและชาย เพียงแต่ว่าความเชื่อลัทธิ
ศาสนานั้น ที่ไม่ใช่ พุทธศาสนา ยังเป็น ความเชื่อที่เจือด้วยกิเลส ด้วยความไม่รู้
และ ความเห็นผิด อันไม่ใช่สัจจธรรม แต่สำคัญว่า เป็นสัจจธรรม ครับ
ซึ่งในสมัยพุทธกาล ก็มีผู้หญิง ที่มีวาทะ ไม่มีใครสู้ได้ ในชมพูทวีป ชื่อ ชัมพูก
ปริพาชิกา กล่าววาทะ ชนะคนทั้งหมดในชมพูทวีป แต่เมื่อพบท่านพระสารีบุตร
ได้มีการสนทนากัน นางปริพาชิกา ถามปัญหา ท่านพระสารีบุตรตอบได้หมด แต่
เมื่อท่านพระสารีบุตรถามปัญหาเพียงข้อเดียว นางปริพาชิกาก็ไม่สามารถที่จะตอบ
ได้เลย แม้เพียงคำถามแรก นางปริพาชิกา จึงขอบวชในสำนักของพระพุทธเจ้า
ได้เป็นพระเถรี ชื่อ กุณฑลเกสีเถรี บรรลุเป็นพระอรหันต์ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ครับ
--------------------------------------------------------
-มีบ้างไหมในอดีตที่ผู้หญิงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า?
* ผู้หญิง ไม่สามารถที่จะเป็นพระพุทธจ้า และ พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ หากแต่
ว่าก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้า และเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ในอดีตชาติอันยาวนาน
ของสัตว์โลกก็เกิดเป็นผู้หญิงมาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น และท่านเหล่านั้นก็อบรมปัญญา
ในเพศหญิง เพราะ ปัญญาสามารถเกิดได้ ไม่ว่าเพศใด เพียงแต่ ชาติสุดท้ายของ
พระพุทธเจ้า และ พระปัจเจกพุทธเจ้า ย่อมเกิดเป็นผู้ชายเท่านั้น ครับ
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 297
ข้อความบางตอนจาก .. พหุธาตุสูตร
(๑๒) ย่อมรู้ชัดว่า ข้อที่มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส คือ สตรีพึง
เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นไม่ใช่ฐานะที่มีได้ และรู้ชัดว่า
ข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือ บุรุษพึงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่น
เป็นฐานะที่มีได้.
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
-มีบ้างไหมที่ภิกษุณีเป็นพระธรรมกถึกผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง?
พระธรรมทินนาภิกษุณี เลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผู้เป็นธรรมกถึก
คือ เป็นผู้ที่กล่าวสอนธรรมได้ดี ซึ่ง ในความเป็นจริง ประโยชน์ไม่ได้อยู่ที่มีชื่อเสียง
โด่งดัง ในการจะเป็นพระธรรมกถึก เพราะ ประโยชน์อยู่ที่การกล่าวธรรมที่ถูกต้อง
หากว่า มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่กล่าวธรรม แสดงธรรมที่ไม่ถูกต้อง ความมีชื่อเสียงนั้น
ก็สูญเปล่า เพราะเป็นการยกย่องของคนที่ไม่รู้ และ ไม่ได้เข้าใจพระธรรม ส่วน
ชื่อเสียง ที่เกิดจาก การยกย่องของหมู่บัณฑิต ด้วยกัน ที่ผู้นั้นกล่าวธรรมที่ถูกต้อง
แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ย่อมมีเกียรติคุณ คือ เกียรติ ที่เกิดจากคุณงาม
ความดีของตนเอง และเกียรติคุณที่เกิดจากการแสดงธรรมที่ถูกต้อง ตรงตามสัจจะ
เพราะฉะนั้น ความเป็นธรรมกถึก ไม่ได้อยู่ที่ชื่อเสียงโด่งดัง และการแสดงธรรม
ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้อยู่ที่การมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นเครื่องวัด แต่ปัญญาความ
เห็นถูก ต่างหากที่เป็นเครื่องวัด เพราะปัญญาที่เกิดขึ้น ย่อมคิดถูก พุดถูก กระทำถูก
และ ย่อมแสดงธรรมที่ถูกต้อง และ เป็นธรรมกถึกที่แท้จริง ครับ ดั่งเช่น พระเถรี
ชื่อ พระธรรมทินนาเถรี ที่กล่าวธรรมได้ถูกต้อง เพราะมีปัญญา อันเกิดจากความ
เข้าใจธรรม และ ตรัสรู้ธรรม ครับ
-เคยมีไหมที่ผู้หญิงเป็นธรรมกถึกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง?
ตามที่กล่าวแล้ว ความเป็นธรรมกถึก ไม่ใช่อยู่ที่ชื่อเสียงโด่งดัง และ ความมี
ชื่อเสียงโด่งดัง ก็ไม่ได้วัด คุณธรรม และ ความถูกต้อง หากแต่คำสอนที่ออกจาก
การกล่าว นั้น เป็นสำคัญ หากแสดงพระธรรมได้ถูกต้องตรงตามที่พระพุทธเจ้า
ทรงแสดง ได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง ด้วยดี และ เป็นไปตามลำดับ พร้อมๆ กับการมี
คุณธรรม ปัญญาที่เกิดจากความเห็นถูก ย่อมชื่อว่าเป็นธรรมกถึกได้ ไม่ว่าจะเป็น
เพศชาย และ เพศหญิง ดังนั้น เรื่องเพศ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ เรื่องที่สำคัญ คือ
ปัญญา เพราะ ปัญญาไม่ได้เลือกเกิดว่าจะเป็นเพศชาย และ เพศหญิง และ
ความน่าเชื่อถือ ก็ไมได้อยู่ที่สมมติว่า ชาย หรือ หญิง แต่ อยู่ที่คำสอน และ
คุณธรรม ของผู้นั้นเป็นสำคัญ ความเป็นชายจะทำอะไรได้ หากไม่มีปัญญา
และ ความเป็นหญิงย่อมประเสริฐ หากมีปัญญา เป็นสำคัญ ครับ ดังนั้น ก็สามารถ
อ่าน ศึกษาพระธรรม จากใครก็ได้ ที่กล่าวธรรมที่ถูกต้อง ตรงตามที่พระพุทธเจ้า
ทรงแสดง ซึ่ง ในปัจจุบัน สำหรับกระผมแล้ว ก็ได้ มีโอกาสศึกษาพระธรรมของ
พระพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงดีแล้ว โดยได้ผู้ที่ถ่ายทอด อธิบาย จากผู้มีปัญญามาก
คือ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่กล่าวธรรมได้ถูกต้อง ตามลำดับ
สมควรที่จะกล่าวได้ว่าเป็นธรรมกถึก ส่วนชื่อเสียงนั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญว่า
ผู้ใดทำให้เกิดปัญญา ความเห็นถูกเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ครับ
สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒-หน้าที่ 439
หญิงผู้มีปัญญาก็เป็นบัณฑิตได้
เทวดาผู้สถิตอยู่บนยอดเขาที่ทิ้งโจร เห็นกิริยาแม้ของชนทั้งสองนั้น
จึงให้สาธุการแก่หญิงนั้น แล้วกล่าวคาถานี้ว่า :-
"บุรุษนั่น เป็นบัณฑิตในที่ทุกสถาน ก็หาไม่,
แม้สตรี ผู้มีปัญญาเห็นประจักษ์ ก็เป็นบัณฑิตได้
ในที่นั้นๆ ."
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เรื่อง ปัญญา กับความเป็นสตรี
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 88
ข้อความบางตอนจาก โสมาสูตร
เชิญคลิกอ่านที่นี่
[ปัญญา กับความเป็นสตรี สคาถวรรค]
จาก ข้อความในพระไตรปิฎก แสดงว่า ผู้ที่ยังยึดถือว่ามีเรา มีชาย มีหญิง ย่อม
ไม่ได้ประโยชน์ ย่อมไม่ได้ปัญญา เพราะ สำคัญผิดว่า มีเรา มีสัตว์ บุคคล มีชาย
และหญิง แต่ ปัญญาเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่ว่า ชาย หรือ หญิง ย่อมสำเร็จประโยชน์
ได้ ครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
- เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว คนสัตว์ ไม่มี มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป
ตราบใดก็ตามที่ยังไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้ กิเลสประเภทนั้นๆ เมื่อได้เหตุได้ปัจจัย
ก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ก็ตาม กิเลสจึงเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้เลย
ความเห็นผิดก็เช่นเดียวกัน เป็นอันตรายมาก เมื่อเห็นผิดแล้ว ความประพฤติเป็นไป
ก็คล้อยไปตามความเห็นที่ผิด และยังสามารถทำให้คนอื่นเห็นผิดตามไปด้วย ไม่เป็น
ประโยชน์เลย คนคนเดียวที่เกิดขึ้นมาในโลกเพื่อความเสื่อม เพื่อความมิใช่ประโยชน์
แก่ผู้อื่น ก็คือ คนที่มีความเห็นผิด
หนทางที่จะทำให้พ้นความเห็นผิด ได้ ก็คือ มีความจริงใจที่จะฟังพระธรรม
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาไตร่ตรองในเหตุในผล
- ในชาติที่บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในชาติที่บรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องเป็นบุรุษเพศเท่านั้น, แต่ถ้าเป็นสาวกแล้ว ผู้หญิงก็สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับ
กิเลสตามลำดับขั้น จนถึงความเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะตามความเป็นจริงแล้ว
เหตุย่อมสมควรแก่ผล ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพที่เข้าใจถูกเห็นถูก
ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง เมื่อเกิดขึ้นย่อมทำกิจรู้
ตามความเป็นจริง ดังนั้น ปัญญาจึงไม่จำกัดเพศ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ถ้าหาก
เข้าใจหนทางในการดับกิเลส คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาแล้ว ก็สามารถ
รู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้นได้
-ผู้ที่เข้าใจธรรมตามความเป็นจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยปกติ
จะมีอัธยาศัยที่จะเกื้อกูลผู้อื่นให้ได้เข้าใจถูกเห็นถูกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม
เพราะถ้าหากว่าไม่กล่าวความจริง คนอื่นก็จะไม่สามารถเข้าใจความจริงได้เลย ซึ่งจะ
เห็นได้ว่า พระอริยสาวกทั้งหลายในอดีต มีการสนทนาธรรม กล่าวธรรมเกื้อกูลแก่
ผู้อื่นอยู่เสมอ
สำหรับในยุคนี้สมัยนี้ เพราะมีการตรัสรู้และการทรงแสดงพระธรรมที่พระสัมมาสัม
พุทธเจ้าทรงแสดง พระธรรมจึงดำรงสืบทอดมา ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
(ผู้หญิงหมายเลขหนึ่งในใจของข้าพเจ้า และในใจของอีกหลายๆ คน) ได้ศึกษา
พระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง และเมื่อเข้าใจถูกต้องแล้ว ก็กล่าว
ความจริงแก่ผู้อื่น ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นต้นมา ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นไม่ใช่เพื่อลาภ
ยศ สักการะ สรรเสริญ แต่เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ของผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาเป็น
สำคัญ
“ผู้หญิงหมายเลขหนึ่ง”
[กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์]
(โดย ...นพรัตน์ ฤทัยรัตนาภรณ์ และ น้องชาย)
สิบสามมกรา พอศอ สองสี่หกเก้า
เป็นบุญของพวกเรา ผู้ใฝ่ใจศึกษาธรรม
เป็นวันที่ ผู้มีบุญค้ำจุนหนุนนำ
ได้เกิดมาเพื่อศึกษาพระธรรม และเผยแพร่ ด้วยจิตไมตรี
กาลเวลา ผ่านไป อย่างไม่สูญเปล่า
ตั้งแต่ปี สองสี่เก้าเก้า เรื่อยมาจนถึงบัดนี้
ทั้งเช้าทั้งเย็น บำเพ็ญเพื่อประโยชน์ทุกที่
ทำให้ผู้สะสมมาดี ได้ฟังธรรม อบรมปัญญา
ท่านอาจารย์สุจินต์ ผู้หญิงหมายเลขหนึ่ง
ทุกคนต่างซาบซึ้ง สรรเสริญในความเมตตา
เสียสละยิ่งกว่าใคร เป็นผู้ให้ตลอดเวลา
มอบให้ สิ่งที่มีค่า อันยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทอง
อายุมั่นขวัญยืน ทุกวันคืน เป็นสุขสบาย
นี่คือ ความจริงจากใจ ของหญิงชายลูกศิษย์ทั้งผอง
มอบผ่าน ถ้อยคำ เรียงร้อยด้วยใจกลั่นกรอง
สิบนิ้ว ขอประคอง น้อมก้มกราบ บูชาพระคุณ.
...กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ....
ในพระไตรปิฎก พระสุเมธเถรี เป็นผู้หญิง แสดงธรรม และอีกหลายท่านเป็น
ผู้หญิงมีปัญญา บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มากมาย เพราะฉะนั้น ปัญญา ไม่
จำกัดเพศ ไม่จำกัดอายุ ปัญญาก็เกิดได้ ค่ะ
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ลูกกราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ท่านเป็นดั่งมารดาผู้ให้กำเนิดก็ว่าได้ เพราะการที่ท่านมีวิริยะ ศึกษาธรรม และนำมา
ถ่ายทอดแจกแจง สภาพธรรมต่างๆ ให้พวกเราผู้ซึ่งเป็นเหมือนดั่งคนที่อยู่ในความมืด
ได้พบเจอความสว่าง ลูกขอกราบและเคารพรักอย่างที่สุดค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
-ในกรณีของพระนางประชาบดีโคตรมีที่ขอเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนานั้นดูจะเป็น
เรื่องยากมากๆ สำหรับผู้หญิง ทั้งๆ ที่ตามสภาพธรรมแล้ว ชาย-หญิง รูป-นาม
ไม่มี ธรรมนี้ไม่ได้แบ่งเพศ มรรคผล นิพพานมีไว้ให้ผู้ที่มีปัญญา แล้วทำไมผู้หญิง
จึงยากที่จะบวชได้ครับ???
ขอบคุณอาจารย์ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เรียนความเห็นที่ 7 ครับ
เพศหญิง เป็นเพศที่ไม่มีกำลังเท่าผู้ชาย และ เป็นข้าศึกศัตรู กับ เพศชายที่เป็นเพศ
พระภิกษุ ครับ ดังนั้น จึงเป็นการยากที่จะให้บวช ครับ ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ