ได้ข่าวการระเบิดที่ห้างหนึ่งในหาดใหญ่ มีผู้คนตกอยู่ในภัยอันตราย ... แล้วเราอยู่ที่นี่ ขณะนี้มีภัยหรือเปล่า ขณะที่กำลังเห็นสิ่งที่น่าพอใจ ก็เป็นภัยแล้ว เห็นสิ่งที่ไม่ชอบใจก็เป็นภัย กำลังทานของอร่อยๆ ก็เป็นภัย ถ้าไม่มีปัญญารู้ความจริง ขณะนั้นก็มีภัย ภัยคือความไม่รู้ แท้จริงแล้วในชีวิตประจำวันล้อมรอบด้วยภัย คือความไม่รู้ ความไม่รู้เป็นภัยใหญ่ นำมาซึ่งความติดข้อง เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็เป็นทุกข์ เมื่อมองไม่เห็นภัย แต่ต้องการที่จะละทุกข์ ทุกข์นี้หมด ทุกข์หน้าก็มีอีกมากมาย เดี๋ยวนี้ก็มีภัยของกิเลสคือ ความไม่รู้ ขณะที่ทุกข์อยู่ในภัยอันตรายต่างๆ พายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ระเบิด เกิดขึ้นแล้วก็หมดไป แต่ภัยที่น่ากลัว คือความไม่รู้ ถ้ามีความรู้ คือ ปัญญา ขณะนั้นก็ปลอดภัยจากกิเลส จากความไม่รู้ ขณะที่ปัญญารู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ปัญญาไม่เลือกเวลา ดังพระภิกษุที่ถูกเสือกิน แต่ขณะนั้นปัญญาที่ได้สะสมมาก็เกิดขึ้นรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขณะที่ถูกเสือกิน ปลอดภัยจากทุกข์ที่แท้จริง คือ ปัญญาที่เกิดขึ้นรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เข้าใจจริงๆ อย่างนี้ ขณะนั้นปลอดภัยจากความไม่รู้ ปลอดภัยจาก โลภะ โทสะ
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งค่ะ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ภัย หรือ ภย คือ สิ่งที่น่ากลัว และ สภาพธรรมที่นำมาซึ่งสิ่งที่น่ากลัว และไม่ปลอดภัยซึ่งก็สามารถกล่าวโดยนัยสมมติและปรมัตถ์ ได้ดังนี้ที่มีหลากหลายนัย ครับ
ภัย ความเกิดก็เป็นภัย ความแก่ ความเจ็บและความตาย เป็นภัย เพราะนำมาซึ่งทุกข์ หากไม่มีการเกิดแล้ว ก็ไม่ต้องรับทุกข์อะไรเลย ดังนั้น แม้การเกิดก็เป็นภัยแล้ว เพราะนำมาซึ่งสิ่งที่น่ากลัว มีการได้รับทุกข์ประการต่างๆ ความแก่ก็เป็นทุกข์ เป็นภัย เป็นที่น่ากลัว ความเจ็บ และความตายก็โดยนัยเดียวกัน ครับ
และเมื่อกล่าวโดยปรมัตถ์ให้ลึกลงไปอีกครับว่า ภัย คืออะไร ภัยที่เป็นสิ่งที่น่ากลัว และนำมาซึ่งความน่ากลัว หากไม่มีกิเลส แล้ว จะมีการกระทำอกุศลกรรม หรือ ทำความชั่วได้หรือไม่ ไม่ได้เลยครับ เพราะฉะนั้น กิเลสเป็นภัยที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะเป็นเหตุที่แท้จริง ที่จะต้องได้รับทุกข์ประการต่างๆ เพราะเมื่อมีกิเลสก็มีการกระทำกรรมชั่ว ทำให้ต้องตกนรกได้ เพราะมีกิเลสนั่นเองที่เป็นภัยครับ
ที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น ภัยที่น่ากลัว ไม่รู้เลยในขณะนี้ คือ ภัย คือ ความไม่รู้ ที่เป็นอวิชชา ที่ไม่รู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ขณะนี้มีความไม่รู้อยู่ ก็ไม่รู้ว่าเป็นภัย เพราะมีอวิชชา จึงมีการทำบาป อกุศลประการต่างๆ และเมื่อไม่รู้ตามความเป็นจริงก็ทำให้เกิดตาย อยู่ร่ำไป นำมาซึ่ง ความเกิด แก่ เจ็บ ตายที่เป็นภัย ครับ
สภาพธรรมที่เกิดดับก็เป็นภัย เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ขณะนี้ก็มีภัย คือ สภาพธรรมที่เกิดดับ ขณะที่เกิดขึ้น เป็นภัยแล้ว เพราะจะนำมาซึ่งสภาพธรรมต่างๆ เพราะยังจะต้องมีสภาพธรรมที่เกิดดับ วนเวียนไปไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้วนเวียนไปที่จะต้องได้รับทุกข์ประการต่างๆ เพราะมีการสืบต่อของสภาพธรรมทีเกิดดับ
ดังนั้น แม้สภาพธรรมที่มีในขณะนี้ แม้ยังไม่ได้ทำชั่วอะไรเลย ก็เป็นภัยที่น่ากลัวแล้ว ซึ่งจะเห็นตามความเป็นจริงอย่างนี้ได้ ก็ต้องด้วยปัญญาระดับสูง ครับ
ที่สำคัญ ไม่ใช่เพียงการทำความชั่วเป็นภัย พระพุทธองค์ยังแสดงแม้แต่การกระทำกุศลกรรม ก็เป็นภัย อีกเช่นกัน เพราะนำมาซึ่งการเกิด นำมาซึ่งการจะต้องได้รับทุกข์ประการต่างๆ เพราะมีการเกิด อันมีการกระทำกุศลกรรม เป็นปัจจัยครับ ซึ่งการจะพ้นภัยที่น่ากลัวประการต่างๆ ก็ต้องละเหตุให้เกิดภัย คือ กิเลสและอวิชชาที่สะสม เมื่อไม่มีกิเลส ไม่มีอวิชชา ก็ไม่มีการกระทำกุศลกรรม อกุศลกรรม จึงไม่มีการเกิด ไม่ต้องรับทุกข์ประการต่างๆ ที่เป็นภัย เลย ครับ ซึ่งก็ต้องด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็จะค่อยๆ ละภัยประการต่างๆ ที่เป็นกิเลสไปทีละน้อย จนดับภัยที่แท้จริงคือกิเลสได้ทั้งหมด ก็หมดภัย ไม่มีภัยอีกเลย ครับ
ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ
ภัยเวรที่แท้จริงคืออะไร [ภัยภายใน ... ตอนที่ ๑]
ภัยเวรที่แท้จริงคืออะไร [เห็นเป็นภัยหรือเปล่า ... ตอนที่ ๒]
ภัยเวรที่แท้จริงคืออะไร [ผู้ไม่เห็นภัยจึงก่อเวร ... ตอนที่ ๓ จบ]
ขออนุโมทนาพี่เมตตาและทุกท่าน ครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ปลอดจากภัยทุกอย่าง ด้วยปัญญา" ครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
" ปลอดภัยจากทุกข์ที่แท้จริง คือ ปัญญาที่เกิด "
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
"... เป็นภัย เพราะ ความไม่รู้ จะปลอดภัย ต่อเมื่อได้ เข้าใจธรรมะ ..."
แว่วเสียงธรรม ริมฝั่งแม่น้ำแคว กาญจนบุรี ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ