ถ. คำว่ารู้นาน พิจารณาดูแล้ว คงไม่ใช่รู้สิ่งใดนานๆ แต่รู้สิ่งนั้นบ่อยๆ เช่น เผ็ดเกิดขึ้น สติระลึกรู้ว่าเผ็ด เผ็ดเกิดขึ้นอีก ก็ระลึกรู้ว่าเผ็ดอีก แล้วก็ระลึกรู้เผ็ดอยู่อย่างนี้ สติเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เหมือนกัน แล้วก็รู้เรื่องเผ็ดนี้เรื่อยๆ เผ็ดเกิดขึ้นนิดหนึ่งสติเกิดขึ้นรู้ เผ็ดเกิดขึ้นนิดหนึ่งสติเกิดขึ้นรู้ เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ การระลึกอย่างนี้เราใช้คำว่านาน เมื่อใช้คำว่านาน ก็รู้สึกว่าผิดปกติ ถ้าผมจะใช้คำว่า ระลึกรู้อีกๆ แต่ไม่ใช่ระลึกไปนานๆ คำว่านาน อาจจะเข้าใจสับสน จะถูกหรือไม่ถูกครับ
สุ. ที่ถูกจริงๆ ตามขั้นของญาณ เวลานี้เห็นนานไหม เวลาที่ญาณไม่เกิด หลายขณะแล้ว ปรากฏความนานแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้รู้ชัดในความเกิดขึ้นและดับไป
เพราะฉะนั้น การรู้ชัดนี้แล้วแต่ญาณ ถ้ามีญาณที่สูงขึ้น ประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไป ระลึกรู้จนทั่ว จนละ จนคลาย ไม่หวั่นไหวเลย จะไประลึกที่รูปไหนมาก นามไหนมาก รูปไหนนาน นามไหนนาน เป็นการเจริญสติเพื่อที่ให้ปัญญารู้ชัด เมื่อรู้ชัดแล้วก็ยิ่งไม่หวั่นไหว ยิ่งละคลาย แต่ข้อสำคัญ คือ ตอนที่ยังหวั่นไหวเพราะไม่รู้ชัด จะมีตัวตนคอยจัดการว่าจะอย่างนั้น จะอย่างนี้
แต่ปัญญาจะต้องเกิดตามขั้น ถ้าวิปัสสนาญาณที่ ๑ คือ นามรูปปริจเฉทญาณไม่เกิดรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง จะถึงอุทยัพยญาณไม่ได้
เพราะฉะนั้น ในขั้นแรก ท่านปฏิบัติเพื่อที่จะให้บรรลุถึงนามรูปปริจเฉทญาณ คือ รู้ลักษณะที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น ยังไม่ต้องไปกังวลถึงความเกิดขึ้นและดับไป ระลึกรู้ลักษณะที่เป็นสภาพรู้ กับลักษณะที่ไม่ใช่สภาพรู้ และจะไม่หวั่นไหวเมื่อรู้ชัดมากขึ้น
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 190