สำหรับการเห็นผิดในรูป ๔ ประการ
ประการที่ ๑ ย่อมเห็นรูปโดยความเป็นตน ๑ คือ ถือรูปนั้นเองว่าเป็นตน
ประการที่ ๒ ย่อมเห็นตนมีรูป ๑ สักกายทิฏฐิเป็นการที่ไม่รู้ชัดในขันธ์ทั้ง ๕ คือ ทั้งในรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์
เพราะฉะนั้น ในข้อที่ว่า ย่อมเห็นตนมีรูป ๑ คือ ผู้ที่ยึดมั่นในเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ว่าเป็นตน
ย่อมเห็นตนว่ามีรูป คือ เห็นนามขันธ์ว่ามีรูป ทรงอุปมาว่า เหมือนกับต้นไม้ที่มีเงา
การที่ยึดถือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่าเป็นตัวตน ก็เห็นว่าตัวตนนี้มีรูป เหมือนกับต้นไม้มีเงา
ประการที่ ๓ คือ ย่อมเห็นรูปในตน ๑
นี่ก็โดยนัยที่ว่ายึดถือนามขันธ์ ๔ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ว่าเป็นตน แล้วก็เห็นรูปในตน ถ้าฟังอุปมาจะเข้าใจชัดเพราะทรงอุปมาว่า เหมือนกับดอกไม้ที่มีกลิ่น
กลิ่นดอกไม้ก็เป็นกลิ่น ดอกไม้ก็เป็นดอกไม้ แต่ว่ากลิ่นดอกไม้อยู่ที่ไหน กลิ่นดอกไม้ก็อยู่ในดอกไม้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่ยึดถือในนามขันธ์ ๔ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ว่าเป็นตน ย่อมเห็นรูปในตนเหมือนกับกลิ่นดอกไม้ที่มีอยู่ในดอกไม้
ประการที่ ๔ คือ ย่อมเห็นตนในรูป ๑ อุปมาเหมือนกับ ขวดที่มีแก้วมณีอยู่ข้างใน คือ มีเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ในรูป
สักกายทิฏฐินี้มากมายจริงๆ จะเห็นได้ว่า กว่าจะละจะคลายได้ ปัญญาจะต้องรู้มาก รู้ทั่ว รู้ยิ่งจริงๆ
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 133