ได้ฟังท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บรรยายในรายการ "แนวทางเจริญวิปัสสนา" มีเนื้อหาตอนหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องเตือนให้ไม่ประมาทในการอบรมเจริญกุศลทุกประการโดยที่ไม่ได้มุ่งที่จะเจริญสติปัฏฐานอย่างเดียว จึงขอยกมาเพื่อศึกษาร่วมกันดังนี้ ครับ
"คนส่วนใหญ่ก็ทราบกันดีแล้วว่าการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมนั้นแสนไกล และถ้าไม่อบรมเจริญกุศลทุกประการ มุ่งหน้าอย่างเดียวที่จะให้ไประลึกลักษณะของสภาพนามธรรมและรูปธรรมแล้วให้เกิดความรู้ชัดแล้วละคลาย ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ถ้าผู้นั้นขาดสติและสัมปชัญญะ ละเลยแม้กุศลธรรมในชีวิตประจำวัน เช่น จาริตศีล (สิ่งที่ควรทำ) และวาริตศีล (สิ่งที่ควรเว้น) สิ่งที่ควรเว้นใหญ่ๆ มีอยู่ ๕ ข้อ แต่ความละเอียดมีมากกว่านั้นอีก เว้นคำที่ทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจ ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าเล็กน้อยเหลือเกิน เพราะไม่ใช่คำหยาบ แต่แม้กระนั้น ก็จะต้องเป็นผู้มีความละเอียดด้วย ก่อนที่กิเลสจะหมดไปได้"
เตือนตัวเองได้ เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้จุดมุ่งหมายในชีวิต มีความมั่นคง ถึงแม้ว่าจะยังมีความยินดี พอใจ ติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ อยู่ก็ตาม เพราะเหตุว่ายังไม่ได้ดับกิเลสประเภทนี้โดยเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีความมั่นคง ที่จะอบรมเจริญกุศลประการต่างๆ รวมทั้งการศึกษาธรรมะ ฟังธรรมะ อบรมเจริญปัญญาต่อไป
ควรฟังพระธรรมเพื่อความเข้าใจ ฟังเพื่อละความไม่รู้ (อวิชชา) ฟังเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน เป็นการอบรมเจริญปัญญา (ความรู้ในสภาพธรรมตามความเป็นจริง) ทีละเล็กทีละน้อย เมื่อมีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมมากขึ้น ปัญญาเจริญมากขึ้น ปัญญานั่นเองจะทำกิจของปัญญา คือละกิเลส เราไม่มีทางจะละกิเลสได้ด้วยความเป็นตัวตน เพราะความเป็นเราหรือตัวตนนี้ก็เป็นกิเลสด่านแรกที่ยิ่งใหญ่ เป็นการยากที่จะละความยึดถือความเป็นเรา เพราะเรามีความยึดถือในตัวตนของเรามาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ที่ไม่เคยได้ฟังพระธรรมขั้นละเอียด (อภิธรรม)
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลสนั้น ไม่ใช่เพียงการอบรมสติปัฏฐานอย่างเดียว แต่ต้องประกอบการอบรมบารมี ๑๐ ที่เป็นกุศลทุกประการ แน่นอนทุกอย่างเป็นธรรม แต่ในชีวิตประจำวันสติปัฏฐานเกิดบ่อยหรือเปล่า และรู้ว่าเป็นธรรมจริงๆ อย่างนั้นหรือเปล่าครับ ซึ่งสติปัฏฐานไม่เกิดบ่อยเลย หรืออาจไม่เกิดแล้วขณะที่ไม่เกิดจิตเป็นอะไร ดังนั้นการอบรมบารมีในชีวิตประจำวัน คือการอบรมเจริญกุศลทุกประการ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กุศลมีกำลัง เพราะถ้ามากหรือเต็มไปด้วยกิเลส สติปัฏฐานจะเกิดได้อย่างไร ขาดบารมี ๑๐ ไม่ได้ครับ เมื่อเข้าใจว่ากุศลเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่เพราะอยากได้กุศลแต่เห็นประโยชน์ อาศัยการฟังพระธรรม กุศลประการต่างๆ เช่น เมตตา ความเป็นมิตร ทาน ศีล ขันติ เป็นต้น ก็เพิ่มมากขึ้น อบรมกุศลและบารมีในชีวิตประจำวันพร้อมๆ กับความเข้าใจเรื่องสติปัฏฐานนั่นเองจึงเป็นทางดับกิเลสครับ
ข้อคิด...ควรเห็นประโยชน์ในการอบรมบารมีในชีวิตประจำวัน
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ....
บารมีกับการเจริญสติปัฏฐาน.
บารมี ๑๐ เกี่ยวข้องยังไงกับสติปัฏฐาน
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ.....
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย และขออนุโมทนาค่ะ
ขณะที่มุ่งตรงต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเดียว จิตเป็นอะไร เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาครับ?
... อนุโมทนา
อนุโมทนา ใน กุศลจิต ของทุกท่าน ครับ
บุคคลที่จะอบรมเจริญปัญญานั้น กุศลทุกประการควรเจริญ ทาน ศีล ภาวนา จึงเป็นเหตุปัจจัยที่จะทำให้ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้น การฟังด้วยดี พิจารณาด้วยดี ก็สำคัญด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่า การเจริญสติปัฏฐาน เพราะว่าไม่ว่าเรา จะให้ทานสักเท่าไร รักษาศีลสักเท่าไร หรือเจริญสมถะสักเท่าไร ก็ไม่สามารถรู้แจ้งพระอริยสัจธรรมได้
สะสมบารมีด้วย สติจึงเกิด
สาธุ
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ