ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ผู้ฟัง รู้สึกเป็นปัจจัยให้เรามาหายาดับทุกข์
ท่านอาจารย์ ขอประทานโทษ ขอเรียนถามท่านผู้ฟังทุกท่าน ว่าท่านโกรธหรือเปล่า
ผู้ฟัง หาเพื่อนค่ะ
ท่านอาจารย์ ท่านผู้ฟังโกรธบ้างหรือเปล่า
โกรธทุกคนไม่มีความต่างกันเลย สภาพธรรมที่โกรธมีจริง แล้วทุกคนที่ไม่ใช่พระอนาคามี มีสภาพธรรมนี้เกิดขึ้นแล้วแต่จะมากหรือจะน้อยเป็นของธรรมดา ไม่ใช่ท่านผู้ฟังท่านนี้ท่านเดียวที่รู้จักโกรธ หรือว่ามีความโกรธ ทุกคนโกรธ เพราะว่าสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่ท่านผู้ฟังท่านนี้ท่านเดียวที่รู้จักโกรธหรือว่ามีความโกรธ ทุกคนโกรธ เพราะสภาพธรรมที่โกรธมีจริง เหมือนกันแล้วค่ะ ทุกคนๆ เป็นของธรรมดา ธรรมคือ ธรรมดา
ผู้ฟัง งั้นปล่อยไว้อย่างนั้น
ท่านอาจารย์ ปล่อยหรือไม่ปล่อย เมื่อมีเหตุปัจจัยก็ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่ใช่ว่า เราเป็นตัวตน อย่าได้คิดว่ามีอำนาจ หรือมีตัวตน หรือจะบังคับสภาพธรรมทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ให้ทราบว่าสภาพธรรมทุกอย่างที่เกิดๆ เพราะเหตุปัจจัย ถ้าสติเกิดระลึกทัน ก็จะเห็นโทษของความโกรธ และก็รู้ว่าถ้ายังโกรธ ต่อไปข้างหน้า ความโกรธก็จะมีปัจจัยที่จะโกรธอีกมาก การที่ชาตินี้เป็นบุคคลที่โกรธ ตั้งสิบปีใช่ไหมคะ
ผู้ฟัง สิบกว่าปี
ท่านอาจารย์ สิบกว่าปีแล้วยังไม่ลืม ก็เพราะว่าสะสมมาที่จะผูกโกรธ และนึกโกรธบ่อยๆ ต้องเคยเป็นอย่างนี้มาแล้ว ถ้ายังไม่เห็นโทษ ชาติต่อไปก็ยังต้องเป็นอย่างนี้อีก
ผู้ฟัง ไม่ใช่โกรธครั้งนั้น ครั้งเดียว แต่มันโดนบ่อยๆ
ท่านอาจารย์ มีใครบ้างไหมที่เคยโกรธเพียงครั้งเดียว ไม่มี ทุกคนโกรธบ่อยๆ ทั้งนั้น ก็เหมือนกันอีก ทุกคนเหมือนกันหมด
ผู้ฟัง อันนั้นก็แล้ว สมมติว่าโดนใหม่ค่ะ ถ้าโดนใหม่ เราจะทำอยางไรไม่ให้โกรธ
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ทำอย่างไรไม่ให้โกรธ ถ้าโกรธเกิดขึ้น ก็รู้ว่าขณะนั้นเป็นสภาพธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรา เป็นสภาพธรรม
ผู้ฟัง ไม่ต้องแก้ ปล่อยไปอย่างนั้นหรือคะ
ท่านอาจารย์ จะเป็นตัวตนที่แก้หรือ เลิกคิดได้ ไม่ใช่ปล่อยหรือไม่ปล่อย แต่ว่ารู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่มีใครสามารถที่จะทำให้เกิดจิตเห็น จิตได้ยิน หรือจิตเป็นกุศล หรืออกุศลได้ แต่สภาพธรรมทุกอย่างมีปัจจัยจึงเกิดขึ้น ซึ่งปัญญาสามารถจะอบรม รู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมนั้นว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ตัวตน นี่คือจุดประสงค์ของการศึกษาพระธรรม เพื่อให้รู้ความจริงของสภาพธรรมว่า ไม่ใช่ว่าจะไปบังคับ แต่ว่ารู้ได้ว่าสภาพธรรมทุกอย่าง ไม่ใช่ตัวตน เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ผู้ฟัง แล้วเราไม่ต้องแก้ไข ปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้น
ท่านอาจารย์ ขณะนี้ฟังแล้วเข้าใจ คือกำลังแก้ แต่ว่าจะช้าหรือเร็ว แล้วแต่กำลังของปัญญา
ผู้ฟัง แปลว่าถ้าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก เราก็ปล่อยไป
ท่านอาจารย์ ไม่มีเราปล่อย นี่รู้สึกจะถามเป็นครั้งที่ห้า ที่หก เรื่องที่ว่าจะปล่อย ดิฉันก็ได้เรียนซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ว่าอย่ามีความเป็นตัวตนที่คิดว่าจะปล่อย แม้ว่าจะเห็น หรือ จะได้ยิน จะคิดนึกอย่างไร เป็น โลภะ โทสะ กุศล อกุศล อย่างไร ก็เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทั้งสี้น แต่ปัญญาควรที่จะต้องอบรม จนสามารถที่จะประจักษ์ว่า สภาพธรรมนั้นๆ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล และขณะนี้กำลังฟัง เพื่อที่จะให้เข้าใจ นี่คือการที่จะแก้ แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ตามกำลังของปัญญาที่เกิดขึ้น
ขออนุโมทนาค่ะ
"ขณะนี้ ... ฟังแล้วเข้าใจ คือ กำลังแก้ แต่ว่าจะช้าหรือเร็ว แล้วแต่กำลังของปัญญา"
" ... นี่คือการที่จะแก้ (แก้ความเห็นผิดที่เห็นว่าโกรธเป็นเรา ไม่รู้ว่าโกรธเป็นธรรม) แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ตามกำลังของปัญญาที่เกิดขึ้น"
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอด้วยครับ
ขอบคุณ คุณ chaiyut มากและขออนุโมทนาทุกท่านครับ มีผู้สนใจ ผมก็มีกำลังที่จะโพสต์ธรรมต่อไปครับ
อนุโมทนาในการเจริญปัญญาของทุกท่านค่ะ ขอบพระคุณนะคะสำหรับกระทู้นี้
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ทุกๆ ครั้งที่ โทสะปรากฎ มีกำลังแรง ก็จะมาอ่านบทสนทนานี้ ไม่มีทางอื่นเลยนอกจากเริ่มต้นที่ความเข้าใจ มีประโยชน์มหาศาลเลยทีเดียว
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ