ขออนุญาตเรียนสอบถามเรื่องวิถีจิตครับ ในบุคคลทั่วๆ ไป นั้น วิถีจิตใดในชีวิตประจำวันที่เกิดมากกว่ากัน ระหว่าง ปัญจทวารวิถี และ มโนทวารวิถี ครับ
เข้าใจว่า ในชีวิตประจำวัน วิถีจิตทางมโนทวารเกิดมากกว่า วิถีจิตทางปัญจทวาร เพราะวิถีทางปัญจทวารเกิดหนึ่งวาระ จะมีวิถีทางมโนทวารเกิดต่ออีกหลายวาระ ดังนั้นวิถีทางมโนทวารจึงเกิดมากกว่า เมื่อนับตามวาระหรือจำนวนชุดของวิถีจิตที่เกิดขึ้นเมื่อรับรู้อารมณ์ และยังมีวิถีจิตทางมโนทวารล้วนๆ อีกจำนวนมากครับ
มโนทวารวิถีจิตรู้อารมณ์ได้ทั้ง ๖ อารมณ์ คือรู้ได้ทั้งรูปารมณ์ ฯลฯ และ ทางมโนทวารวิถี อาศัยสัญญาความจำเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ปรากฏทางตา เรียกว่ารูป สีเขียว สีแดง สีขาว เป็นสัญญาคิดนึกทางใจ วันหนึ่งๆ คิดนึกมากกว่าค่ะ
ขอบพระคุณ อ. ประเชิญครับ ถ้าหากมโนทวารวิถีเกิดขึ้นมาก เช่นนี้ กุศลและอกุศลจิตในชวนะกิจของมโมทวารวิถี ย่อมเกิดขึ้นมากและเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตที่ควรพิจารณา สำหรับผู้ที่ศึกษาธรรมะใช่ใหมครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เรียนความเห็นที่ 3
ทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไมได้ เราย่อมรู้จากการศึกษาขั้นการ ฟังว่า มโนทวารวิถีจิตเกิดบ่อยกว่าปัญจทวารวิถีจิต และก็รู้ตามความเป็นจริงขั้นการฟัง ว่าอกุศลเกิดบ่อยกว่ากุศลในชีวิตประจำวันครับ แต่แม้รู้ตามที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ด้วย ปัญญาที่น้อยและเป็นเพียงปัญญาขั้นการฟัง อกุศลก็มีเหตุปัจจัยให้เกิดบ่อยๆ โดยไม่รู้ ตัวว่าอกุศลกำลังเกิดเลย เราอาจจะเข้าใจว่ากุศลและอกุศลเกิดแต่เพียงทางมโน ทวารวิถีจิตเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้วอกุศลสามารถเกิดได้ทางปัญจทวารวิถีจิตด้วย และขณะนี้กำลังเกิดอยู่โดยไม่รู้ตัว เพียงเห็นสีเท่านั้น ชวนจิตก็แล่นไปที่จะเป็นอกุศล จิตแล้ว ยังไม่ต้องเป็นทางมโนทวารวิถีจิตเลยอกุศลก็เกิดแล้วโดยไม่รู้ตัวครับ การอบรมปัญญาเมื่อเข้าใจความจริงว่าอกุศลเกิดมากก็เป็นปัจจัยด้วยความเห็นถูก โดยไม่ใช่เราที่จะทำ แต่เห็นถูกตามที่กล่าวจึงไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ และที่สำคัญไม่ใช่ตัวตนที่จะพิจารณาไม่ให้อกุศลจิตเกิด แต่ปัญญาขั้นแรกต้องรู้ว่าเป็น ธรรมไม่ใช่เรา แม้แต่อกุศลก็เป็นธรรมครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสตว์
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ. เผดิม ครับ
ที่อาจารย์กล่าวว่า แม้ปัญจทวารวิถีจิตจะเกิดน้อย แต่ก็ยังคงมีอกุศลจิตที่เกิดทางวิถีนี้ได้ กล่าวคือ เมื่อเห็นสี ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส ก็ชอบหรือไม่ชอบ แล้ว ยังไม่ต้องคิดนึกทางมโนทวารเลย
แสดงให้เห็นได้ว่า ชวนจิต ของปัญจทวารวิถี มีโอกาสเป็นอกุศลได้มากที่สุด เพราะในชวนจิตทางนี้ ไม่ใช่มโมนทวารวิถี จึงไม่ประกอบไปด้วยปัญญา ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดกุศลเป็น อโลภะ อโทสะ อโมหะ ทางนี้จึงน้อยมาก การที่เรา (สมมตินะครับ) พยายามทำความเข้าใจ เพียรพยายามศึกษา โดยให้ความสำคัญที่มโมทวารวิถีให้ชวนจิตเป็นกุศลเสียก่อน แทนที่จะไปทำว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ..ฯ เช่นนี้ จะถูกต้องหรือไม่ อย่างไรครับ
เรียนความเห็นที่ 6
สำหรับที่กล่าวว่าทางปัญจทวารวิถีจิต ชวนจิตนั้นไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ตรงนี้ไม่ใช่ ครับ สามารถมีปัญญาเกิดร่วมด้วยได้ครับ และสำหรับประเด็นควรให้ความสำคัญกับ มโนทวารวิถีจิตให้เป็นกุศลเสียก่อน ตรงนี้เราต้องไม่ลืมคำว่าอนัตตานะครับ คือบังคับ บัญชาไมได้ เราจะให้ความสำคัญหรือไม่ให้ความสำคัญ กุศลหรืออกุศลก็เกิดตามเหตุ ปัจจัย บังคับบัญชาไมได้เลย ไม่มีเราที่จะทำให้อกุศลจิตหรือกุศลจิตเกิดได้ตามใจชอบ หน้าที่คือฟังพระธรรมต่อไปและมั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตาครับ ส่วน เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยินนั้นเป็นปัญญาขั้นสูงครับ สักแต่ว่าเห็น ไม่มี ปัญญาไม่ได้ครับ ค่อยๆ ฟังต่อไป ธรรมทำหน้าที่ปรุงแต่งให้เข้าใจเอง ขออนุโมทนา ป.ล.ผมก็เป็นสหายธรรม ไม่ใช่เป็นอาจารย์อะไร เรียกชื่อธรรมดาก็ได้ครับ
เข้าใจชัดเจนครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ. เผดิม ครับ
(ผมขออนุญาตเรียกอาจารย์ก็ด้วยความรู้สึกเคารพในธรรมทานของอาจารย์นะครับ)
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ