เวลาเราสุข ก็รู้ว่าความรู้สึกเป็นยังไง เวลาคนอื่นเป็นสุขก็สุขอย่างนั้นแหละ เวลาเราโกรธ ความรู้สึกเป็นยังไง คนอื่นโกรธก็รู้สึกอย่างนั้นแหละ ความรัก ความชังของทุกคนก็เหมือนกันหมด ถ้าเอาชื่อของทุกคนออกหมด ก็มีแต่สภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เป็นธาตุชนิดหนึ่งๆ จิตก็เป็นธาตุชนิดหนึ่ง เราเรียนเรื่องธาตุหลายอย่าง ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม แต่จิตเป็นธาตุพิเศษซึ่งเป็นธาตุรู้ และเป็นธาตุที่วิจิตรเหลือเกิน ความคิดของคนแตกแขนงไปไม่มีวันจบ เพราะจิตเป็นธาตุที่ช่างรู้ช่างคิด จึงไม่ใช่ว่าเรารู้จักของเราดี จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมมากขึ้นและพิจารณาจนจิตของเราเปิดเผยออกมาให้รู้ความจริงแท้ของจิตใจได้ ไม่ใช่ดูแต่การกระทำอย่างเดียวเท่านั้น
ฉะนั้น จึงมีสติอีกขั้นหนึ่ง คือขณะระลึกสภาพจิตใจของตนเอง แต่จะต้องเป็นคนตรงจึงจะรู้ได้ ผู้ที่จะศึกษาธรรมจริงๆ นั้นต้องเป็นคนตรง ต้องตรงจริงๆ จึงจะไม่เอนเอียง คือไม่เข้าข้างตัวเอง ธรรมต้องเป็นธรรมดาตามความเป็นจริง เช่น การให้ การให้ทานจริงๆ นั้นไม่ใช่ให้เพื่อหวังผลตอบแทน ไม่ใช่เพื่อหวังให้เขารักใคร่ ไม่ใช่ให้เพื่อหวังว่าวันหลังเขาจะให้ตอบ การให้ทานนั้นต้องเป็นจิตใจที่สะอาด...ปราศจากอกุศล
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ๐๑ - ๑๙
เกิด แก่ เจ็บ ตาย -- ไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่า พรุ่งนี้อาจจากโลกนี้ไป --
คลิกดาวน์โหลดหนังสือ -->
เกิด แก่ เจ็บ ตาย
อนุโมทนานะคะ
ขออนุโมทนาครับ