ชีวิตคนเราถ้าเปรียบได้ก็เหมือนกับถนน เมื่อทุกคนเกิดมาลืมตาดูโลก ก็เริ่มต้นของการ
เดินทาง ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิต คือความสุข โดยที่พยายามจะเดินไปให้ถึงที่หมาย
ซึ่งแท้จริงแล้วถนนเส้นนี้ ไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่เรายังไม่หลุดพ้นจากอาสวกิเลสทั้ง
หลาย เราคงต้องเดินอยู่บนถนนเส้นนี้อีกยาวนาน แต่ก็นับว่าดิฉันยังโชคดีที่ได้มา
ศึกษาธรรมะทำให้พอมีหวังว่าสักวัน ถนนชีวิตของดิฉันคงจะสิ้นสุดลงได้
ขอเชิญคลิกอ่าน......
ความเข้าใจพระธรรมเป็นสาระสำคัญที่สุดในชีวิต
การได้ฟังพระสัทธรรม หาได้ยาก
การอุบัติขึ้นแห่งพระสัมพุทธเจ้า หาได้ยาก
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...ก้าวเล็กๆ
ขออนุโมทนาครับพี่ orawan.c
เป้าหมายในชีวิตไม่ใช่ความสุข เป้าหมายในชีวิตคือการไม่เกิดอีก สองฝั่งถนนมี
สิ่งสวยงามคือความสุขและไม่สวยงามคือความทุกข์ แล้วเราก็ได้พบธรรมแสดงถึงเหตุ
และปัจจัยที่ให้ความสุขและความทุกข์ จึงต้องวางแผนการเดินทางบนถนนเส้นนี้ให้ดีๆ
การเดินทางจึงจะไม่ลำบาก คือเดินอย่างฉลาดโดยสติปัฎฐานไง ถ้าเริ่มเดียวนี้สักวัน
ถนนชีวิตก็จะสิ้นสุดได้ครับ
อ้างอิงความเห็นที่ 5
คงไม่ลืมว่าทุกอย่างเป็นธรรมะและเป็นอนัตตา คือบังคับบัญชาไม่ได้ เกิดดับตาม
เหตุปัจจัย จึงไม่มีตัวตนที่จะทำและวางแผน มีแต่การอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้ความ
จริงเท่านั้นจนถึงขั้นสูงสุด คือพระอรหันต์ จึงออกจากสังสารวัฏฏ์ได้
ต่อจากความเห็นที่ ๖
ฉันทเจตสิกเป็นเจตสิกที่พอใจในอารมณ์ พอใจที่จะศึกษาธรรมขัดกิเลส พอใจที่จะเจริณสติปัฎฐานสี่ เมื่อมีความพอใจก็มีลักษณะใกล้เคียงกับการวางแผน แต่ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ตัวตนที่ไปวางแผน เมื่อพอใจที่จะศึกษาจนสังขารขันธ์มีกำลัง ธรรมะที่เป็นอนัตตา เมื่อปรากฎสติก็สามารถระลึกได้ เป็นการเจริญสติปัฎฐาน ใหม่ๆ การเดินทางก็ต้องเริ่มด้วยศรัทธาและฉันทะ แต่ที่สำคัญอย่าแวะข้างถนนติดสุขจนทำให้การเดินทางล่าช้า ถ้าแวะติตทุกข์ก็แย่หน่อย ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ชีวิตเป็นจิตแต่ละขณะๆ จิต-ทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ ดำเนินไปอย่างนี้ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง และเป็นอย่างนี้มาแล้วนับชาติไม่ถ้วน เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสะสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล ความดีประการต่างๆ รวมถึงการอบรมเจริญปัญญาซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ด้วย เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีการอบรมเจริญปัญญา จนกระทั่งถึงขั้นที่จะดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด แล้ว สังสารวัฏฏ์ก็ไม่มีวันจบสิ้น การเดินทางไกลกล่าวคือสังสารวัฏฏ์ ก็ยังมีอีกต่อไป แต่การที่จะถึงขั้นดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาดนั้น เป็นเรื่องที่ไกลมาก ต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการอบรมเจริญปัญญา ดังนั้น จึงต้องค่อยๆ สะสม อบรมเจริญขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เริ่มจากการฟัง การศึกษา ไปตามลำดับ ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัย
ฟังพระธรรมแล้วค่อยๆ เข้าใจความจริง
จึงรู้ว่า
ทุกวันก่อนจะสิ้นสุดความเป็นบุคคลในชาตินี้
ถนนที่ควรเดินคือ
ถนนที่นำไปสู่ความเข้าใจความจริงจากการฟังพระธรรม
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณกุศลจิตทุกท่านด้วยความเคารพค่ะ