เมื่อกิเลสรึงรัดแล้ว ปัญญาก็หยั่งไม่ถึง
โดย เมตตา  25 ธ.ค. 2567
หัวข้อหมายเลข 49156

[เล่มที่ 59] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 647

หริตจชาดก

[๑๒๔๖] ข้าแต่มหาพรหม โยมได้ยินเขาพูดกันว่า พระหาริตดาบสบริโภคกาม คำนี้ไม่เป็น จริงกระมัง ท่านยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่แลหรือ?

[๑๒๔๗] ขอถวายพระพร มหาบพิตร พระองค์ได้ทรงสดับถ้อยคำ มีแล้วอย่างใด ถ้อยคำนั้น ก็เป็นจริงอย่างนั้น อาตมภาพเป็นผู้หมกมุ่น อยู่ในอารมณ์ เป็นที่ตั้งแห่งความหลง เดินทางผิดแล้ว.

[๑๒๔๘] ปัญญาที่ละเอียด คิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นเครื่องบรรเทาราคะ ที่เกิดขึ้นแล้วของท่าน มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร ท่านไม่อาจบรรเทา ความคิดที่แปลกได้.

[๑๒๔๙] ข้าแต่มหาบพิตร กิเลส ๔ อย่างเหล่านี้ คือ ราคะ โทสะ โมหะ มทะ เป็นของมี กำลังกล้า หยาบคายในโลก เมื่อกิเลสเหล่าใด รึงรัดแล้ว ปัญญาก็หยั่งไม่ถึง.

[๑๒๕๐] โยมได้ยกย่องท่านแล้ว อย่างนี้ว่า หาริตดาบสเป็นพระอรหันต์ สมบูรณ์ด้วยศีล ประพฤติบริสุทธิ์ เป็นบัณฑิต มีปัญญาแท้.

[๑๒๕๑] ข้าแต่มหาบพิตร วิตกอันลามก เป็นไปด้วยการยึดถือนิมิตว่างาม ประกอบด้วย ความกำหนัด ย่อมเบียดเบียนแม้ผู้มีปัญญา ผู้ยินดีแล้ว ในคุณธรรมของฤๅษี.

[๑๒๕๒] ความกำหนัดนี้ เกิดในกาย เกิดขึ้นมาแล้ว เป็นของทำลายวรรณะของท่าน ท่านจงละความกำหนัดนั้นเสีย ความเจริญย่อมมีแก่ท่าน ท่านเป็นผู้อันชนหมู่มาก ยกย่องแล้วว่า เป็นคนมีปัญญา.

[๑๒๕๓] กามเหล่านั้น ทำแต่ความมืด ให้มีทุกข์มาก มีพิษใหญ่หลวง อาตมภาพจักค้นหามูลราก แห่งธรรมเหล่านั้น จักตัดความกำหนัด พร้อมเครื่องผูกเสีย.

[๑๒๕๔] ครั้นพระหาริตฤๅษี กล่าวคำนี้แล้ว มีความบากบั่นอย่างแท้จริง คลายกามราคะได้ แล้ว ได้เป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก.

จบ หริตจชาดกที่ ๕



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 25 ธ.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น