วันถวายผอบเจดีย์
กลับจากพุทธคยามาหลายวันแล้ว ได้อ่านเรื่องราวของเพื่อนร่วมเดินทางหลายท่านอย่างสนุกสนาน ทุกคนมีกุศลจิต และได้เจริญกุศลมากมายตามความถนัดของตนเอง บางคนก็ถวายสักการะ ด้วยการประดิษฐ์ดอกไม้ จัดดอกไม้ บางคนก็นำอาหารจากกรุงเทพไปแจกเพื่อนร่วมเดินทาง บางคนก็นำของมากมายไปถวายพระ บางคนก็ช่วยดูแลผู้สูงอายุ บางคนก็ถ่ายภาพนำมาลงในเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ที่ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยได้ร่วมอนุโมทนา และอีกมากมายที่เล่าไม่หมด การเดินทางไปครั้งนี้รู้สึกเหมือนกับลอยๆ ยังไงพิกล เพราะปลื้มปีติในการ ที่ได้ร่วมอนุโมทนาในกุศลที่เพื่อนร่วมคณะเจริญกันตลอดเวลา
ตอนแรก เห็นมีข้อความเกี่ยวกับพุทธคยามากมาย เลยคิดว่าถ้าเล่าอีกก็คงไม่น่าสนใจแล้ว แต่เมื่อได้ฟังเทปที่ท่านอาจารย์สนทนาธรรมที่มูลนิธิในวันอาทิตย์ที่ ๓ ก.พ. ๕๑ หลังจากกลับมาได้ ๑ วัน ทำให้เห็นมุมมองที่หลากหลายของเพื่อนร่วมเดินทางแตกต่างกันไป ตามการสะสมของแต่ละคน เลยขอเล่าบ้างเพื่อเสนอมุมมองของคนที่ฟังธรรมมาพอเข้าใจบ้างเล็กน้อย
เมื่อไปถึงสนามบินพุทธคยานั้นก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ลงจากเครื่องบินตอนบ่าย แต่อากาศยังเย็นมากอยู่ เคยไปอินเดียครั้งสุดท้ายเมื่อ ๓ ปีก่อน ตอนนั้นสนามบินพุทธคยายังสร้างไม่เสร็จ ตอนนี้เสร็จแล้ว แต่คงไม่สมบูรณ์ ในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าเพราะดูเหมือนยังทาสีไม่เสร็จ ห้องน้ำก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก แต่ก็ยังมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสาร พวกเราขนของกันมาเพื่อจะทำกุศลมากมาย แต่ขั้นตอนการตรวจก็ไม่ยุ่งยากนัก เมื่อเข็นรถออกมาถึงประตูทางออก ได้รับการต้อนรับด้วยพวงมาลัยดอกดาวเรืองจากสาวสวยในชุดส่าหรีหน้าตาคุ้นๆ อ๋อ คุณแตงภรรยาคุณอิทธินั่นเองที่มาถึงก่อนตั้งแต่วันจันทร์ เลยได้มาต้อนรับพวกเราได้
รถบัส ๓ คัน พาพวกเราไปโรงแรม ซึ่งแยกออกเป็น ๒ แห่ง เราได้อยู่ที่โรงแรมใหม่ Royal Residency Hotel คุณสุวัฒบอกว่าเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง เมื่อรถพาไปถึง หลายคนอุทานออกมาเหมือนกันว่า “นี่เหรอ ชั้นหนึ่ง” เพราะผิดจากความคาดหวังมาก คิดว่าจะเป็นตึกใหญ่โต มีสนามหญ้า มีดอกไม้สวยๆ แต่โรงแรมนี้เป็นตึกเล็กๆ ๓ ชั้น ตั้งอยู่กลางทุ่งนา บริเวณรอบๆ ไม่ใหญ่นักจอดรถบัสได้ไม่กี่คันก็เต็มแล้ว นี่คือสภาพความคิดนึกกับสิ่งที่ปรากฏจริงๆ ไม่เหมือนกัน ทุกคนได้ยินแล้วก็คิดตามที่เคยมีประสบการณ์มา ซึ่งเมื่อมาเห็นของจริงก็เลยแปลกใจ ที่ไม่เหมือนกับที่คิด ในชีวิตจริงๆ ก็มีหลายอย่างที่ทำให้เห็นว่า ทุกคนคิดนึกไปตามการสะสม ได้ยินเรื่องเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน แต่ก็สามารถคิดไปได้ต่างๆ กัน ดังนั้น จึงไม่สามารถจะคาดเดาได้เลยว่า เขาจะคิดอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างจากเรา จึงไม่ควรคิดเองว่าเขาคิดอย่างไร ควรใส่ใจความคิดของตนเองว่า คิดถูกหรือผิด เป็นกุศลหรืออกุศล จะดีกว่า จริงไหมคะ
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันอีกครั้ง (บนเครื่องก็รับประทานแล้ว) ก็เตรียมตัวไปสมาคมมหาโพธิ์ เพื่อถวายผอบเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง เพื่อนร่วมเดินทางหลายคน แต่งตัวสวยงาม ด้วยผ้าไทย และคุณผู้ชายหลายท่านก็ใส่สูท ซึ่งก็ดูสวยงามเหมาะสมดี แต่ตัวเรานั้นไม่ได้คิดละเอียดขนาดนั้น คิดแต่ว่าให้อบอุ่นพอ และสะดวกสบายในการเดินทางเท่านั้น แต่ก็ได้นึกอนุโมทนาในใจที่ท่านได้ทำให้พิธีถวายผอบนั้นดูสมเกียรติมากขึ้น
เมื่อเดินทางไปถึงสมาคมมหาโพธิ์ด้วยรสบัส ซึ่งใช้เวลาไม่นานเลย ประมาณ ๑๐ นาที เพราะมองจากโรงแรมก็เห็นเจดีย์พุทธคยาอยู่ใกล้ๆ แต่เดินไปเองคงไม่ได้ ยังมีเวลาเหลืออีกมาก คณะจัดดอกไม้หลายท่านกำลังทำหน้าที่อย่างเข็มแข็ง อยากจะไปช่วย แต่ก็คิดว่า ทำงานที่ตนไม่ถนัด คงจะไม่ช่วยให้เร็วขึ้น เลยเดินข้ามถนนไปพุทธคยา รู้สึกแปลกใจมากที่เพียงข้ามถนนเท่านั้นก็ถึงแล้ว เพราะเมื่อ ๒ ครั้งก่อน รู้สึกว่าต้องนั่งรถไป ทราบจากคุณสุวัฒว่า เขาตัดถนนใหม่ ทำให้สมาคมมหาโพธิ์อยู่ตรงข้ามกับทางเข้าพุทธคยาพอดี ไปคราวนี้มีเวลาดูอะไรๆ มากขึ้น ทำให้รู้วัดธิเบตก็อยู่ติดกับสมาคมมหาโพธิ์ วัดไทยก็อยู่ใกล้ๆ กันนั่นเอง
เมื่อเดินเข้าไปที่พระเจดีย์พุทธคยาแล้ว ได้ทำตามพี่ดวงเดือน คือ กราบบนพื้นหินอ่อนตรงขั้นบันไดหน้าองค์พระเจดีย์ด้วยความซาบซึ้งที่ได้มากราบสถานที่ที่ท่านตรัสรู้อีกครั้งหนึ่ง เกิดปีติในพระปัญญาคุณ พระมหากรุณาคุณ พระบริสุทธิคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง ตามกำลังสติปัญญาของตนว่า ธรรมของพระผู้มีพระภาคนั้นลึกซึ้ง ลุ่มลึกมาก เข้าใจตามได้ยาก เป็นของที่มีจริง ปรากฏให้พิสูจน์อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่สามารถประจักษ์ตามที่ทรงตรัสรู้ไว้ ได้แต่เพียงเข้าใจขั้นการฟังบ้าง พอที่จะให้รู้ว่า นี่แหละคือหนทางที่ถูกต้อง ที่จะต้องพากเพียรฟัง ศึกษา และพิจารณา จนกว่าจะเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่ง ให้สติเกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏตามปกติในชีวิตประจำวัน
เมื่อเดินเข้าไปในลานพระเจดีย์ ได้เห็นชาวพุทธมากมายหลายชาติที่ได้มานมัสการสถานที่ตรัสรู้ ต่างก็แสดงความเคารพอย่างสูงสุดตามวัฒนธรรม และความเชื่อของตน ชาวธิเบตทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิงผู้ชาย ต่างก็กราบแบบอัฏฐางคประดิษฐ์ บ้างก็กราบอยู่กับที่ บ้างก็กราบไปรอบองค์พระเจดีย์ โดยโยนดอกไม้ไว้ข้างหน้าเพื่อวัดระยะว่าถึงตรงไหน บางก็นั่งสมาธิ บ้างก็สวดมนต์ บ้างก็สาธยายพระสูตร หรืออ่านหนังสือธรรมดังๆ พวกเราได้ไปนั่งใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ รู้สึกสงบร่มเย็นใต้ร่มเงาของพระเจดีย์ ขอบคุณพระเจ้าอโศกมหาราชและท่านธรรมปาล และอีกหลายๆ ท่านที่ทำให้ได้มีเจดีย์พุทธคยาให้กราบไหว้เช่นนี้
เมื่อถึงเวลาจึงกลับไปที่สมาคมมหาโพธิ์ เพื่อทำพิธีถวายผอบเจดีย์ฯ เมื่อกลับไปถึงรู้สึกตื่นตะลึงกับดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงาม ราวกับชะลอสระบัวมาไว้ มีทั้งตาข่ายดอกมะลิ ลายสี่ก้านสี่ดอก (เรียกชื่อถูกหรือเปล่าคะ คุณจาย คุณติ๋ว เคยเรียนมาตั้งแต่ชั้นมัธยม ก็เกือบห้าสิบปีมาแล้ว) ที่ประดับไว้อย่างสวยงาม รวมทั้งดอกไม้สดที่เป็นดอกกล้วยไม้สีอ่อนหวานพร้อมด้วยฝีมือการจัดที่ทำให้ดูเหมือนสวนสวรรค์ (ไม่เคยเห็น คิดเอาเองตามจินตนาการค่ะ) ทำให้พิธีดูอลังการจริงๆ
และแล้วก็ถึงเวลา เมื่อได้อัญเชิญเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของพระอัครสาวกทั้งสองมาตั้ง พร้อมกับผอบเจดีย์ที่นำมาจากกรุงเทพฯ ซึ่งทุกท่านคงจะเห็นจากภาพถ่ายมากมายแล้วว่า งดงามสมพระเกียรติเพียงใด เมื่อกล่าวคำถวายเสร็จแล้ว ก็ถึงพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพระอัครสาวกจากเจดีย์องค์เดิมมาสู่องค์ใหม่ โดยพระภิกษุชาวศรีลังกาและท่านอาจารย์สุจินต์ และพระภิกษุได้นำผอบเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมาให้พวกเราทุกคนเทินบนศีรษะเพื่อเป็นศิริมงคล
ในระหว่างพิธีพระภิกษุชาวศรีลังกาสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ “อิติปิโส ภวควา อรหํสมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตโร ปริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ” ตลอดเวลาด้วยเสียงก้องกังวาน ลุ่มลึก ซึ่งไพเราะมาก พวกเราหลายคนสวดตามท่านไปด้วย รู้สึกว่าสำเนียงภาษาบาลีต้นฉบับนี้เพราะจริงๆ
คงไม่มีบุญไหนยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้วสำหรับเรา ที่ได้มีส่วนร่วมสร้างผอบเจดีย์ในครั้งนี้ แม้จะมีเงินมากมาย ที่จะสร้างได้คนเดียว แต่การที่จะมีพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของพระอัครสาวกที่มีประวัติยาวนานเช่นนี้ คงไม่มีอีกแล้ว และอีกอย่างหนึ่งที่จะได้ร่วมทำบุญกับกัลยาณมิตร ที่มีความสนใจในการเจริญปัญญา เจริญสติปัฏฐาน เพื่อระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามปกติในชีวิตประจำวันอย่างนี้ คงหาไม่ได้ง่ายๆ เพราะธรรมเช่นนี้ไม่สาธารณะสำหรับทุกคน กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ ที่นำพระธรรมมาเผยแพร่หลายทาง ทั้งการบรรยาย ตามสถานที่ต่างๆ ทางวิทยุ หนังสือ ทำให้มีโอกาสได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ขอบพระคุณค่ะ
คืนนี้นอนหลับด้วยความอิ่มใจ แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็น แต่ก็อุ่นใจที่ได้ฝังทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา ด้วยการร่วมถวายผอบเจดีย์ทองคำประดับด้วยรัตนชาติ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง ณ สมาคมมหาโพธิ์ แห่งพุทธคยา เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของชาวพุทธทั่วโลก ทรัพย์นี้จะเป็นเสบียงเดินทางกันดารอันแสนไกลในสังสารวัฏฏ์ต่อไป
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
กราบอนุโมทนาค่ะ