* ถ้าไม่รู้ว่าอะไรที่ไม่สงบ และไม่สงบเพราะอะไร ก็ไม่อาจที่จะเกิดความสงบได้เลย
* ในสังคม (ที่ไม่ได้เข้าใจพระธรรม) จะไม่สนใจที่จะเข้าใจความจริงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่จะหาวิธีการต่างๆ ที่คิดว่าจะทำให้เกิดสิ่งที่ดี หรือเกิดความสงบ ไปตามความคิดของแต่ละบุคคล หรือกลุ่มบุคคล แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกิดความสงบได้เลย เพราะเป็นไปด้วยความไม่รู้ความจริง จริงๆ
* พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีคุณค่าสูงสุด เพราะทำให้ผู้ฟังมีความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง
* จิตหรือใจ เป็นสภาพรู้ที่เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้อารมณ์ (สิ่งที่จิตรู้) เกิดร่วมกับเจตสิก ซึ่งปรุงแต่งจิตไปตามกิจหน้าที่ของเจตสิกแต่ละอย่าง
* ถ้าจิตขณะใด มีเจตสิกที่ไม่ดี (อกุศลเจตสิก) เช่น โลภะ โทสะ โมหะ เกิดปรุงแต่ง จิตและเจตสิกที่เกิดร่วมกันในขณะนั้น ก็เป็นอกุศล เป็นสภาพที่ไม่สงบ
* ถ้าจิตขณะใด มีเจตสิกที่ดีงาม (โสภณเจตสิก) เช่น ศรัทธา สติ หิริ (ความละอายที่จะเป็นอกุศล) โอตตัปปะ (ความเกรงต่อการเป็นอกุศล) อโลภะ อโทสะ ... หรือปัญญา (ความเข้าใจถูกตามความเป็นจริง) เกิดปรุงแต่ง จิตและเจตสิกที่เกิดร่วมกันในขณะนั้น ก็เป็นจิตที่ดี เป็นสภาพที่สงบ
* การที่จิตและเจตสิก จะสงบได้ จึงต้องมีเจตสิกที่ดีงาม โดยเฉพาะปัญญาเกิดขึ้นปรุงแต่ง ซึ่งปัญญาจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม ไตร่ตรองตาม จนเป็นความเข้าใจความจริง
* ดังนั้นหนทางเดียว ที่จะนำไปสู่ความสงบ ก็คือความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง โดยเริ่มจากการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ