[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 594
ข้อความบางตอนจาก
สติปัฏฐานสูตร
กถาพรรณนาตัณหาวาระ
ตัณหา ๑๐๘
[๑๒๑] พึงทราบวินิจฉัยในตัณหาวาระ (ต่อไป) :-
ตัณหาที่เป็นไปแล้วโดยชวนวิถี มีชื่อตามอารมณ์ที่คล้ายกับบิดา (ผู้ให้เกิด) ว่ารูปตัณหา ฯลฯ ธรรมตัณหา เหมือนกับ (คน) มีชื่อตามบิดาในคำทั้งหลาย มีอาทิว่า เศรษฐีบุตร พราหมณบุตร เป็นต้น
ก็ในตัณหาวาระนี้ ตัณหามี ๓ ประการอย่างนี้ คือตัณหาที่มีรูปเป็นอารมณ์คือ ตัณหาในรูป เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่ารูปตัณหา รูปตัณหานั้นเมื่อยินดี เป็นไปโดยความเป็นกามราคะ ชื่อว่า กามตัณหา.
เมื่อยินดี (รูป) เป็นไปอย่างนี้ว่า รูปเที่ยง คือยั่งยืน ได้แก่ติดต่อกันไปโดยความเป็นราคะที่เกิดร่วมกับสัสสตทิฏฐิ ชื่อว่า ภวตัณหา
เมื่อยินดี (รูป) เป็นไปอย่างนี้ว่า รูปขาดสูญ คือหายไป ได้แก่ ละโลกนี้ไปแล้ว จักไม่มี โดยความเป็นราคะเกิดร่วมกับอุจเฉททิฏฐิชื่อว่า วิภวตัณหา และสัททตัณหาเป็นต้น ก็เหมือนกับรูปตัณหา ฉะนั้น จึงรวมเป็นตัณหาวิปริต ๑๘ ประการ. ตัณหาวิปริตเหล่านั้น แจกออกเป็น ๑๘ ในอายตนะทั้งหลายมีรูปภายในเป็นต้น (และ) แจกออกเป็น ๑๘ ในอายตนะทั้งหลายมีรูปภายนอก เป็นต้น จึงรวมเป็น ๓๖ ประการ. แจกเป็นอดีต ๓๖ เป็นอนาคต ๓๖ เป็นปัจจุบัน ๓๖ ด้วยประการอย่างนี้ จึงเป็นตัณหาวิปริต ๑๐๘ ประการ.
อีกอย่างหนึ่ง ตัณหาวิปริต ๑๘ ประการ อาศัยรูปที่เป็นไปภายใน เป็นต้น มีอาทิอย่างนี้ว่า เพราะอาศัยรูปเป็นภายใน มีตัณหาว่าเรามีเพราะรูปนี้ (และ) ว่า เมื่อเรามี เราก็เป็นที่ปรารถนา ฉะนั้น จึงรวมเป็นตัณหา ๓๖ แบ่งเป็นอดีต ๓๖ อนาคต ๓๖ ปัจจุบัน ๓๖ โดยประการอย่างนี้ รวมเป็นตัณหาวิปริต ๑๐๘ ดังที่พรรณนามานี้แล.
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
มีประโยชน์หากอ่านบ่อยๆ ระลึกบ่อยๆ เตือนตนว่า ทำอะไรไม่ได้จริงๆ (บังคับบัญชาไม่ได้) สภาพธรรมเกิดขึ้น ทำกิจมากมายตามการสะสม แต่รู้ถูก เข้าใจถูก สะสมถูกใหม่ได้ ด้วยการศึกษาในชาตินี้
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ