พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 456
ทว่า สรีราเนว อวสิสฺสึสุ ความว่า เมื่อก่อนได้ชื่อว่า สรีระ ก็เพราะตั้งอยู่ด้วยโครงร่างอันเดียวกัน บัดนี้ท่านกล่าวว่าสรีระทั้งหมดกระจัดกระจายไปแล้ว. อธิบายว่า พระธาตุทั้งหลาย ก็เสมือนดอก
มะลิตูม เสมือนแก้วมุกดาที่เจียรนัยแล้ว และเสมือนจุณทองคำยังเหลืออยู่.
จริงอยู่ สรีระของพระพุทธเจ้าผู้มีพระชนมายุยืนทั้งหลาย ย่อมติดกันเป็นพืด
เช่นกับแท่งทองคำ. ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอธิษฐานพระธาตุให้กระจาย
ว่า เราอยู่ได้ไม่นานก็จะปรินิพพาน ศาสนาของเรายังไม่แพร่หลายไปในที่ทั้ง
ปวงก่อน เพราะฉะนั้น เมื่อเราแม้ปรินิพพานแล้ว มหาชนถือเอาพระธาตุแม้
ขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดทำเจดีย์ในที่อยู่ของตนๆ ปรนนิบัติ จงมีสวรรค์
เป็นที่ไปในเบื้องหน้า. ถามว่า พระธาตุอย่างไหนของพระองค์กระจัดกระจาย
อย่างไหนไม่กระจัดกระจาย. ตอบว่า พระธาตุ ๗ เหล่านี้คือ พระเขี้ยวแก้ว
๔ พระรากขวัญ ๒ พระอุณหิส ๑ ไม่กระจัดกระจาย นอกนั้นกระจัดกระจาย.
บรรดาพระธาตุเหล่านั้น พระธาตุเล็กๆ ทั้งหมดได้มีขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์
ผักกาด พระธาตุใหญ่ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารหักกลาง พระธาตุขนาดใหญ่ยิ่ง
มีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวหักกลาง....................................................
มหาชนถือเอาพระธาตุแม้ขนาดเท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด ทำเจดีย์ในที่อยู่ของตนๆ ปรนนิบัติ จงมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า นี่เป็นหลักฐานที่...การบูชาพระธาตุมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า
พระธาตุที่ไม่กระจัดกระจาย มี พระธาตุ ๗ คือ
พระเขี้ยวแก้ว ๔ พระรากขวัญ ๒ พระอุณหิส ๑นอกนั้นกระจัดกระจาย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา พระรากขวัญและพระอุณหิส หมายถึงอะไรคะ
พระรากขวัญ หมายถึง ไหปลาร้า
พระอุณหิส หมายถึง กรอบหน้า
ขอบคุณ คุณ wannee.s มาก คุณ เก่ง ขยัน และประพฤติ เวยยาวัจจะอย่างยอดเยี่ยมตลอดมาเป็นเวลานาน อนุโมทนา อย่างสูง ครับ
ขออนุโมทนา.
ขออนุโมทนาค่ะ