อยากทราบว่าการทำโคลนนิ่งสัตว์ วิญญาณที่ไหนมาปฏิสนธิครับ
เพราะไม่ได้เกิดเองตามธรรมชาติ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การโคลนนิ่ง (cloning) คือ การคัดลอก (copy) พันธุ์หรือการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่ โดยไม่ได้อาศัยการปฎิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมีย แต่ใช้เซลล์ร่างกายในการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนของเดิมทุกประการ
อย่างการทำโคลนนิ่งในสัตว์ เช่น ในโค ก็เอาเซลล์ของตัวผู้ที่แข็งแรง และดูดไข่ จากรังไข่ของเพศเมียและนำเซลล์ที่ได้มาฉีดให้ใกล้กับไข่ และก็เลี้ยงด้วยสารเคมี จนมีการแบ่งตัว นำไข่ไปเลี้ยงในสารเคมีสำหรับเพาะตัวอ่อนในหลอดแก้ว ซึ่งเซลล์มีการแบ่งตัวเกิดขึ้นของเซลล์ หลังเลี้ยงเซลล์ตัวอ่อนได้ ๗ วันก็นำไปปลูกถ่าย ฝากไว้ในมดลูกของโคตัวเมียเพื่อให้เจริญเติบโตต่อไปนั่นเองครับ นี่คือการทำโคลนนิ่ง ที่อธิบายมาเพื่อจะได้ทราบว่า ปฏิสนธิตอนไหน อย่างไรครับ
พระพุทธองค์ทรงแสดงว่าสัตว์โลกทั้งหมดเมื่อเกิดย่อมกำเนิดด้วย ๔ ประเภท คือ
๑. เกิดในครรภ์
๒. เกิดในไข่
๓. เกิดในเหงื่อไคลหรือเกิดในสิ่งสกปรก
๔. เกิดโดยโตเป็นตัวทันทีฉับพลัน (โอปปาติกะ)
สำหรับการโคลนนิ่ง จะเห็นได้ครับว่ามีการเลี้ยงเซลล์ตัวอ่อนในสารเคมี ซึ่งเซลล์เริ่มแบ่งตัวเกิดขึ้นอยู่ในสารเคมีที่เลี้ยงไว้ ดังนั้นการเกิดขึ้นของสัตว์ ที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นก็อาจเริ่มจากการเกิดขึ้นของเซลล์ที่เริ่มแบ่งตัว จากการฉีดเซลล์เนื้อเยื่อที่เลี้ยงไว้เข้าไปที่ไข่ จนมีการแบ่งตัวในสารเคมี จึงเป็นสัตว์ที่ไม่ได้กำเนิดในครรภ์ ตามที่ผู้ถามว่าไม่ใช่เป็นธรรมชาติ แต่เป็นการเกิดในเหงื่อไคลได้ครับ เพราะเกิดในน้ำยาที่เป็นสารเคมีที่เลี้ยงไว้ครับ ดังนั้นขณะที่เซลล์เริ่มแบ่งตัวในน้ำยาที่เลี้ยงไว้ เมื่อมีการฉีดเซลล์เนื้อเยื่อเข้าไปในไข่ ก็เป็นช่วงเวลาที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นเป็นการบังเกิดขึ้นของสัตว์แล้วในขณะนั้น ครับ
ที่สำคัญ ไม่มีวิญญาณที่ล่องลอยแล้วก็มาเข้าไปในครรภ์ในไข่ เพื่อมาเกิดเป็นสัตว์นะครับ อันนี้ต้องเข้าใจใหม่ ในความเป็นจริง วิญญาณ คือ จิต ซึ่งขณะที่จุติจิต (ตาย) ดับไป เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ ปฏิสนธิจิตเกิดต่อเป็นอีกบุคคลทันที ไม่มีการเดินทาง ไม่มีการเคลื่อนที่ ไม่มีวิญญาณล่องลอยเข้าไปในครรภ์ในน้ำยาสารเคมี แต่เป็นเพียงจิตที่เกิดขึ้นและดับไป ปฏิสนธิจิตเกิดต่อ เกิดเป็นสัตว์ที่เป็นโคลนนิ่งได้นั่นเอง ครับ
ดังนั้นเมื่อเป็นนามธรรมที่เป็นจิต จึงไม่มีการเดินทาง ไม่มีรูปร่างที่เป็นวิญญาณล่องลอยมาปฏิสนธิเกิด ครับ
ดังนั้นสัตว์ที่เกิดโดยการโคลนนิ่งตามที่ชาวโลกสมมติกันก็เกิด (ปฏิสนธิจิต) ตั้งแต่การแบ่งเซลล์ที่เลี้ยงไว้ในน้ำยาสารเคมีแล้ว อันเป็นการเกิดจากเหงื่อไคลในกำเนิด ๑ ใน ๔ ประการก็ได้ครับ ดังนั้นการกำเนิดตามธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ จึงไม่ใช่การเกิดในครรภ์เท่านั้น มี ๔ ประการ ตามที่กล่าวมาข้างต้นครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ที่ห้องเรียนผมมีคนสงสัยกันมาก แต่ไม่มีคนตอบได้
ท่านใช้เวลาตอบไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตอบซะเข้าใจเลย นับถือจริงๆ
ขออนุโมทนาขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีชีวิตทั้งหมด ย่อมเกิดจากกรรม ธรรมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ถ้ากล่าวถึง การเกิดของสัตวโลกแล้ว ย่อมหมายถึง การเกิดขึ้นของนามธรรม และ รูปธรรม เช่น การเกิดเป็นมนุษย์ในภพนี้ชาตินี้ เป็นผลของกรรม จิตขณะแรกในภพนี้ชาตินี้ คือ ปฏิสนธิจิต เมื่อปฏิสนธิจิตเกิด ย่อมมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง และ ในขณะนั้น ก็มีรูปเกิดพร้อมแล้วในขณะนั้น เพียง ๓ กลุ่ม เท่านั้น คือ กลุ่มของหทยวัตถุ กลุ่มของกายปสาทะ และ กลุ่มของภาวรูป ปฏิสนธิจิตและเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย เป็นนามธรรม ส่วนรูป ๓ กลุ่มนั้น เป็นรูปธรรม ทั้งหมดนี้มาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ กรรม เป็นปัจจัย แสดงให้เห็นว่า ไม่มีใครทำให้ใครเกิดได้ และจะเห็นได้ว่า ตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้บรรลุธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ ตายแล้ว ต้องเกิดอย่างแน่นอน เมื่อสิ้นสุดจากความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ คือ จุติจิตเกิดขึ้นแล้วดับไป ปฏิสนธิจิตย่อมเกิดสืบต่อโดยไม่มีจิตอื่นเกิดคั่นเลย นี้คือ ความเป็นจริงของสภาพธรรม ที่ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ทุกคนเกิดมา ส่วนหนึ่งก็มาจากกรรมเก่าในอดีต และอีกส่วนหนึ่งก็รับผลของกรรม กรรมก็จำแนกให้แตกต่างกัน ทั้งหน้าตา รูปร่าง นิสัย ฐานะ ผิวพรรณ คนในโลกนี้มีเป็นล้านแสนล้านคน ก็ยังมีหน้าตาไม่เหมือนกัน แม้แต่คู่แฝดก็ยังมีส่วนละเอียดที่แตกต่าง เรื่องของกรรม เป็นเรื่องของพุทธวิสัย ค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ