ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓๔
โดย khampan.a  16 มี.ค. 2557
หัวข้อหมายเลข 24588

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓๔]

สภาพธรรมที่เป็นอกุศล เป็นอกุศล ไม่ว่าอกุศลของใคร ของท่านเอง ของญาติ

พี่น้อง ของเพื่อนฝูง ของใครก็ตาม กุศลธรรมก็เป็นกุศลธรรม ไม่ว่าจะเป็นของ

บุคคลที่ท่านรัก หรือว่าคนที่เป็นศัตรูก็ตาม กุศลธรรมของบุคคลนั้นก็เป็นกุศลธรรม

ต้องเป็นผู้ตรง

ถ้าท่านพูดปด ขณะนั้นเป็นผู้ที่บำเพ็ญสัจจบารมีหรือเปล่า และบางครั้งเมื่อ

พูดปดไปแล้ว ก็ยังไม่เป็นผู้ที่มีสัจจบารมีพอที่จะรับว่า ท่านพูดปด แต่ก็ยังพูด

ปดต่อไปอีก เพื่อที่จะแก้เรื่องที่พูดปดไว้

ถ้ายังไม่รู้ว่าเป็นอกุศล คุ้นเคยกับอกุศล ชินกับอกุศล หลงไปกับอกุศล พอใจไปกับอกุศล ย่อมไม่เห็นความน่ารังเกียจของอกุศล คือ โลภะ เห็นแต่ความไม่แช่มชื่นของโทสะ ปรารถนาที่จะไม่ให้มีโทสะเท่านั้น แต่ลืมอกุศลธรรมอีกอย่างหนึ่ง คือ โลภะ

ถ้ายังไม่สามารถสละในสิ่งที่ท่านมีได้ การที่จะสละความติดความพอใจการยึดถือนามธรรมและรูปธรรมว่า เป็นตัวตน เป็นสัตว์ บุคคล ยากกว่านั้นมากนัก

ในชีวิตประจำวัน ท่านสามารถที่จะรักษาศีลข้อไหนได้สมบูรณ์และศีลข้อ

ไหนที่ยังไม่สมบูรณ์ ก็ควรที่จะให้สมบูรณ์ขึ้น เพราะผู้ที่จะเป็นพระอริยเจ้า

เป็นพระโสดาบันบุคคลนั้น ท่านเป็นที่สมบูรณ์ในศีล ๕ ไม่มีการล่วงศีล ๕ เลย

ขณะใดที่กุศลเกิดขึ้นก็เป็นกุศล ขณะนั้นจะเป็นอกุศลไม่ได้ ขณะใดที่อกุศล

เกิดขึ้นก็ต้องเป็นอกุศล แล้วจิตก็เกิดดับสืบต่อกันรวดเร็วเหลือเกิน ยากเหลือเกิน

ที่ใครจะไปจับจิตของใครมารู้ว่า ขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล เพราะฉะนั้น ตนเอง

เท่านั้นจะทราบตามความเป็นจริง

ถ้าให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ จึงเป็นทาน ถ้าให้สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็ไม่เป็นทาน

ถ้าของนั้นยังเป็นประโยชน์อยู่ ควรให้ อย่าทิ้ง กรุณาอย่าทิ้งของที่จะเป็น

ประโยชน์สำหรับบุคคลอื่น

ถ้าท่านยังเป็นคนที่ย่อหย่อน เกียจคร้านในการเจริญกุศล ลำบากจัง เหนื่อยนัก

หรือว่าเสียเวลามาก ขณะนั้นเป็นอกุศล ถูกครอบงำแล้วด้วยอกุศล กุศลจึงเกิด

ไม่ได้

ถ้าท่านเป็นผู้ที่ทำกุศลยาก เพราะเป็นผู้ที่ย่อหย่อน เกียจคร้านในการกุศล

ก็จะต้องเป็นผู้ที่ขยันเสียเดี๋ยวนี้ทันที เพราะชีวิตแต่ละขณะไม่ใช่ยืนยาวเลย

ชั่วขณะจิตเดียว ขณะจิตเดียวที่จะเป็นกุศลหรืออกุศลขึ้นอยู่แต่ละขณะจิต

เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรที่จะทอดธุระหรือว่ายังเป็นผู้ที่ยังคงย่อหย่อนเกียจคร้าน

ในการเจริญกุศล

ความอดทน มีความหมายกว้างขวางมาก เพราะไม่ใช่อดทนแต่เฉพาะอารมณ์

ที่ไม่น่าพอใจ แม้สิ่งที่น่าพอใจก็อดทนที่จะไม่เกิดโลภะ ความยินดี ความพอใจ

ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่ปรากฏด้วย

ความอดทนควรจะมีในที่ทั้งปวง แม้แต่ในขณะที่ฟังธรรม ถ้าเป็นธรรมที่ยาก

ลึกซึ้ง ก็อดทนที่จะต้องติดตามฟังต่อไป

ขณะใด คนใดกำลังทุกข์ร้อน เดือดร้อน ท่านเกิดความกรุณาใคร่ที่จะให้บุคคล

นั้น พ้นจากความทุกข์ มีการช่วยเหลือบุคคลที่ป่วยไข้ได้เจ็บ การรักษาพยาบาล

บุคคลที่กำลังเจ็บป่วย คือ ความกรุณาที่ใคร่จะให้บุคคลนั้นพ้นทุกข์

ขณะใดที่เกิดความหวัง ความต้องการในผล การหวังหรือการต้องการนั้น

ไม่ใช่บารมี ซึ่งไม่จำเป็นต้องต้องการ เพราะเหตุว่าเมื่อมีเหตุที่ดีแล้ว ผลที่ดีก็

ต้องเกิด ถ้ามีการปลูกต้นไม้ผล มีการใส่ปุ๋ย มีการรดน้ำ พรวนดิน ถึงเวลาที่จะ

ให้ดอกผลเกิด จะมีใครไปยับยั้งไม่ให้ดอกผลเกิดก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นกุศล

ก็เหมือนกัน เมื่อมีเหตุปัจจัยถึงกาลที่จะให้ผล ก็ต้องให้ผล

โดยมากคนที่ปราศจากเหตุผลคบหาสมาคมกัน ก็มีทิฏฐิความเห็นอย่าง

เดียวกัน คือ เมื่อเป็นผู้ที่เขลา ก็เขลาไปด้วยกันทั้งหมด ก็มีความเห็นที่เขลา

เหมือนๆ กัน

ศึกษาให้เข้าใจในสิ่งที่มีจริง ในความไม่ใช่ตัวตน

ทุกคำที่ทรงแสดง แสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง เป็นไปเพื่อละการยึดถือ

สภาพธรรมว่าเป็นตัวตนเป็นสัตว์บุคคล

เวลาติดข้อง สงบไหม? ไม่สงบ, ขณะใดที่ได้รู้ความจริงแล้วไม่ติดข้อง

สงบไหม? สงบ

ไม่สามารถละความติดข้องได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ

ไม่มีใครไปแต่งตั้งให้ว่า รูป เป็น อภิธรรม แต่ความเป็นจริงเป็นอย่างนั้น

ตามความเป็นจริง เพราะรูป มีจริงๆ เป็นธรรม และละเอียดลึกซึ้ง จึงเป็นอภิธรรม

ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เป็นปรมัตถธรรม

มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่ไม่รู้ความจริง จึงต้องฟังพระธรรม เพื่อจะได้มี

ความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงๆ ตามความเป็นจริง

สารพัดของสิ่งที่ไม่ดีมากมาย มาจากความไม่รู้

กำลังไม่ชอบใคร หวังดีต่อผู้นั้นหรือเปล่า? ขณะใดที่ไม่ชอบใครแม้เพียง

นิดเดียว ก็ไม่มีเมตตาต่อบุคคลนั้นแล้ว

เวลาโกรธ เดือดร้อนมาก แต่พอเวลาไม่โกรธ สบายใจ ไม่เดือดร้อน

ทั้งหมดของพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง ทำให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง

เพื่อป้องกันการคิดธรรมเอาเอง

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓๓

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 16 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

@ คิดว่าตัวเองดีไหม แม้เพียงขณะนี้ ก็รู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่รู้อย่างนี้ ก็ทำให้เกิดติดข้อง

ทำให้เกิดโทสะ และ ทำให้เกิดมานะ เกิด แปดเปื้อนด้วยกิเลส

@ คนที่มีแหวนเพชรสวยๆ ไม่ได้ขัด ทิ้งไว้นานๆ ก็หมอง สกปรก นี่ขนาด วัตถุ แล้ว

ถ้าเป็นนามธรมที่เป็น จิต เจตสิก ที่เกิดกิเลสเกือบตลอดเวลา จะสกปรกด้วยกิเลส

แค่ไหน เพราะฉะนั้น ชำระกิเลสได้อย่างไร ก็ด้วยปัญญาที่รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่

เรา ซึ่งเป็นหนทางเดียว ค่ะ

@ แม้ว่า จะอบรม ฌาน จนไม่เกิดกิเลส ไม่ติดข้องเลย แต่ ก็ยังไม่ไดชำระล้างกิเลสจริงๆ

นอกเสียจากหนทาง คือ การรู้ลักษณะว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา

@ ชีวิตไม่ถึง ร้อยปี แล้วจะไปไหน หมินเหม่มาก นอกเสียจาก สะสมความไม่ประมาท

ที่เป็นปัจฉิมวาจา ในทุกกรณี แม้แต่ในการฟังพระธรรม ซึ่งะจต้องรู้ว่า ผู้ตรัสเป็นใคร เรา

เป็นใคร เพราะฉะนั้นจะต้องไตร่ตรอง ละเอียดจริงๆ ค่ะ

@ ทุกคนก็น่ารัก ไม่เห็นจะน่าโกรธ มาฟังธรรมด้วยกัน แล้วจะโกรธทำไม

@ วันนี้ ไม่ชอบใครบ้างไหม เมตตาหรือเปล่า ถ้าโกรธเมตตไหม เหนื่อยไหม คะ

ที่โกรธ ขณะที่โกรธ เหนือยมาก ไม่เป็นสุขเลย แต่ ขณะที่ไม่โกรธ มีเมตตา

ขณะนั้นผ่องใส

@ ที่สำคัญ ควรเจริญเมตตาอย่างเดียว หรือ ควรเจริญปัญญา ที่เข้าใจว่าเป็นธรรม

ไม่ใช่เรา ค่ะ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย papon  วันที่ 16 มี.ค. 2557

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 16 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอร่วมปันธรรม ที่ได้ฟังในช่วงเช้าของวันอาทิตย์นี้สักเล็กน้อย ดังนี้ครับ

..........

...การได้ยินได้ฟัง บ่อยๆ ก็จะทำให้มีความเข้าใจที่มั่นคง

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็จะทำให้ระลึกถึงธรรมะได้...

...กว่าจะผูกจิตไว้ กับ สภาพธรรมะที่กำลังปรากฏได้

ก็ต้องฟัง จนกว่าจะเป็นอย่างนั้นได้...

ทั้งหมดนี้ โดยความเป็นอนัตตา

ถ้าฟังผิด นิดเดียว

โดยความเป็นอัตตา

...ฝนตั้งเค้าแล้วตก ฝนตั้งเค้าแล้วไม่ตก ฝนตกโดยไม่ตั้งเค้า...

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณคำปั่น อักษรวิลัย

และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ


ความคิดเห็น 4    โดย เมตตา  วันที่ 16 มี.ค. 2557

ขออนุญาติแบ่งปันธรรมด้วยค่ะ

- สัตว์โลกที่มึดด้วยอวิชชา เมื่อไม่ได้ฟังพระธรรมจะละความติดข้องไม่ได้เลย

- ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็จะไม่สามารถรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏได้เลย แล้ว

จะละความติคข้องในสิ่งที่เพียงปรากฏได้อย่างไร

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...


ความคิดเห็น 5    โดย thilda  วันที่ 16 มี.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย j.jim  วันที่ 17 มี.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย jaturong  วันที่ 17 มี.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย kinder  วันที่ 17 มี.ค. 2557
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 9    โดย aurasa  วันที่ 18 มี.ค. 2557

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย ใหญ่ราชบุรี  วันที่ 20 มี.ค. 2557

เพลินค้างคาวร้อยล้าน มีที่มาจากการที่จังหวัดราชบุรีเป็นที่ตั้งของถ้ำหินปูนที่วัดเขาช่องพราน อำเภอโพธาราม ที่มีค้างคาวอยู่อาศัยเป็นจำนวนหลายล้านตัว ซึ่งในช่วงเย็นของแต่ละวันค้างคาวเหล่านี้จะพากันบินออกหากินอย่างเป็นแถวยาว เป็นระเบียบไม่ขาดสาย และในช่วงเช้ามืดของแต่ละวันก็จะพากันบินกลับเข้าถ้ำอย่างเป็นระเบียบเช่นกัน อันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาชมได้ยากยิ่ง

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ


ความคิดเห็น 11    โดย เจียมจิต  วันที่ 22 ก.ย. 2562

อนุโมทนาค่ะ